นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงความสำเร็จในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา
และจากการจัดงาน Welcome Home ที่เกิน 80% ในทุกโครงการ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้า โดยบริษัทมียอดโอนคอนโด 11,300 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 90% ของเป้าหมาย 13,000 ล้านบาทที่ได้เคยประกาศไว้
แสนสิริจึงได้ปรับเป้าหมายยอดโอนในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 14,500 ล้านบาท พร้อมโชว์ยอดขายคอนโดรวม 15,800 ล้านบาท คิดเป็น 75% ของเป้าหมาย 21,000 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับกระแสตอบรับดีจน Sold Out รวม 4 โครงการ มูลค่า 5,900 ล้านบาท ได้แก่ เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา, ดีคอนโด พนา, เดอะ มูฟ บางนา และ เวย์ โพธิสาร พัทยา
ขณะที่สต็อกคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของแสนสิริมีประมาณ 6,900 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่เหมาะสมจากการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ด้านคอนโดใหม่ในเมืองและเมืองท่องเที่ยว ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยมทุกโครงการ จากอานิสงส์การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการในภูเก็ต อย่าง เดอะ เบส ไรส์ ที่ขายแล้วกว่า 70% และ แคนวาส เชิงทะเล ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากลูกค้าต่างชาติ
"แสนสิริยังเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และขับเคลื่อนความสำเร็จผ่านกลยุทธ์ธุรกิจในการรุกพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งใน Strategic Location ในเมืองและเมืองท่องเที่ยว รวมทั้งกระจายพอร์ตโปรดักส์ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคาโดยศึกษาตลาดรอบด้าน
ทั้งด้านศักยภาพทำเล สิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ ตลอดจนดีมานด์ของลูกค้าในพื้นที่ เพื่อพัฒนาโครงการและออกแคมเปญการตลาดให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพโครงการและมาตรฐานบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นจุดแข็งและองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้แสนสิริเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสถานการณ์ท้าทายในปัจจุบัน” นายองอาจ กล่าว
และในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ แสนสิริยังเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่และโอนกรรมสิทธิ์โครงการสำคัญ ได้แก่ เดอะ เบส วงศ์สว่าง คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ใกล้ MRT วงศ์สว่าง เพียง 240 เมตร ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท และ ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท รวมถึงเปิดภาพแรกของ ดีคอนโด วิวิด รังสิต คอนโดใหม่ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ปี 2567-2568 ว่า แนวโน้มในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ตลาดคอนโดมิเนียมจะยังคงได้รับความนิยมค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยประเภทอื่น เนื่องจากพฤติกรรมผู้ซื้อมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับทำเล ทั้งความสะดวกต่อการเดินทาง และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก
รวมถึงตลาดคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มากกว่า 80% อยู่ในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่กำลังซื้อกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ถึงระดับล่าง สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีราคาต่ำกว่าที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีขนาดใกล้เคียงกันในทำเลเดียวกัน ทั้งนี้ SCB EIC คาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2567 จะสามารถทรงตัวได้ หรือหดตัวเพียงเล็กน้อย