บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เผยแผนเชิงรุกตลอดปี 2568 เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม ด้วยกลยุทธ์ยืดหยุ่น รองรับทุกความต้องการ พร้อมเป้าหมายเติบโตรายได้ 11% หรือแตะเป้า 16,000 ล้านบาท ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันในประเทศ
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวเรือใหญ่ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า บริษัทเตรียมเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ “กอดลูกค้าให้แน่น” หรือ Secure Client Base ซึ่งหมายถึงการมุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โดยเน้นการตอบสนองความต้องการเฉพาะทางของลูกค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงพื้นที่เช่าให้ทันสมัย การให้บริการเสริม และการออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่นต่อความต้องการเฉพาะด้าน
นายธนพลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาฐานลูกค้าไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ผ่านการบอกต่อ โดยตั้งเป้าหมายให้ลูกค้ากลายเป็นผู้สนับสนุนสำคัญในการขยายฐานธุรกิจของบริษัทในอนาคต เพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนการลงทุนรวมในปีนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานและรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เปิดเผยว่า ในปีนี้ FPT จะขยายโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในกลุ่มราคากลางถึงบน เช่น บ้านเดี่ยวระดับราคา 10-20 ล้านบาท และทาวน์โฮม 8 โครงการ ซึ่งยังคงมีดีมานด์ในตลาดแม้จะเผชิญความเข้มงวดจากธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ
โดยมองว่ากลุ่มลูกค้าในตลาดบ้านแนวราบยังมีศักยภาพในการซื้อสูง จึงต้องตอบโจทย์ด้วยสินค้าที่มีความคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม อีกทั้งบริษัทจัดสรรงบประมาณ 2,000 ล้านบาทสำหรับซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต
สำหรับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ระบุว่า บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าใหม่ในปีนี้ โดยเน้นการให้บริการแบบครบวงจร ทั้งโซลูชันเฉพาะทาง การบริการหลังการขาย การออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) และนำเสนอพื้นที่ที่ยืดหยุ่นทั้งในด้านการใช้งานและระยะเวลาเช่า
เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าธุรกิจ เช่น อีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมนี้จะใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทในปีนี้
โดยครอบคลุมทั้งการพัฒนาพื้นที่ใหม่ในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การขยายพื้นที่ในอินโดนีเซียและเวียดนาม รวมถึงการปรับปรุงพื้นที่เดิมให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า
นายพีระพัฒน์ เปิดเผยถึงตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมว่า เวียดนามและอินโดนีเซีย ยังคงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม โดยในเวียดนามบริษัทได้พัฒนาโครงการคลังสินค้าแบบ Build-to-Suit ที่โฮจิมินห์ ซึ่งเฟสแรกปล่อยเช่าเต็มแล้ว 100% และเฟสที่สองคาดว่าจะปล่อยเช่าได้เกิน 90% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ในอินโดนีเซีย บริษัทกำลังดำเนินการพัฒนาคลังสินค้าในทำเลสำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง FPT ยังนำเทคโนโลยี AI และ Smart Solutions มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การออกแบบ การบริหารจัดการพื้นที่ ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เช่น การติดตั้งเซ็นเซอร์ในอาคารเพื่อเก็บข้อมูลอุณหภูมิ ความชื้น และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) และลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาอาคารเขียวที่ผ่านมาตรฐาน LEED เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอน
นายธนพล ปิดท้ายว่า บริษัทวางแผนการลงทุนรวมในปีนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินงานและรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ความสำเร็จของ FPT ในปี 2568 จะขับเคลื่อนด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ความยืดหยุ่น (Flexibility) ที่ช่วยให้บริษัทสามารถปรับตัวตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ความประทับใจ (Enhanced Services) ที่มุ่งเน้นการส่งมอบบริการที่เหนือความคาดหมาย และความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความแตกต่างในตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมผลักดันบริษัทสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,066 วันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568