"PROUD" ชู “ยีน” “More than just living” ลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ เป้า 5 ปีหมื่นล้าน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตกอยู่ในภาวะชะลอตัวมาก่อนการระบาดโควิด-19  เมื่อได้รับผลกระทบซ้ำรุนแรง ทำให้ หลายค่ายปรับตัวไม่ทันโดยเฉพาะ การเจาะตลาดมวลชน ลูกค้าฐานใหญ่มีความต้องการสูง ในทางกลับกัน หากดีเวลลอปเปอร์รายใดจับตลาดถูกทางลูกค้ามี”ยีน” หรือ “ดีเอ็นเอ”  ตรงกับ สินค้าที่ผลิตออกสู่ตลาด

 

นั่นคือการได้ไปต่อ เช่นเดียวกับ บริษัทพราว เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือPROUD ใช้สูตร สำเร็จ ผลิตสินค้า ลึกลงใน ดีเอ็นเอ จำนวนหน่วยออกสู่ตลาดน้อย ลูกค้าในมือมีมาก  เลือกทำเลไร้การแข่งขัน เติมเต็มสิ่งอำนวยความสะดวก ตรงความต้องการรอบด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์  “More than just living”  หรือ “การใช้ชีวิตที่เป็นมากกว่า แค่การอยู่อาศัย”

 

จุดประกายให้ ช่วงกว่าสองปีวิกฤตโควิดกลับพลิกเป็นกำไร และมีเป้าหมายใน5ปีข้างหน้าจะลงทุนสร้างทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

 

 

”ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD และนายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) PROUD ถึงการพัฒนาโครงการ ให้ “ พราว”

 

ยอดโอนสะท้อนความสำเร็จ

 

สะท้อนจากผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2565 เป็นต้นมา ทิศทางธุรกิจของบริษัทในไตรมาส 4/2565 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จากยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมียอดขายสูงถึง 94% และมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 2,556 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการสำเร็จได้ภายในสิ้นปีนี้

 

พร้อมปัจจัยสนับสนุน จากตลาดอสังหาริมทรัพย์มีทิศทางดีขึ้น ภาพรวมที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี ยังส่งสัญญาณบวก ตามความต้องการของกลุ่มเรียลดีมานด์ กำลังซื้อต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเริ่มทยอยกลับมา 

 

การขยายธุรกิจของ PROUD  มีต่อเนื่องลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ปัจจุบันขยับเข้ามาลงทุนโครงการอยู่อาศัยระดับไฮเอ็นด์ ในกรุงเทพมหานคร ย่านศูนย์กลางธุรกิจ ทำเลที่ ไม่มีผู้เล่น มานาน อย่างคอนแวนต์  สีลม 

 

ที่ประเมินว่าอีก5ปี จะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเมืองชั้นใน จากโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ รวมถึงทำเลอารีย์ซอย3 ชุมชมขนาดใหญ่ แหล่งงาน และมีแผนพัฒนาต่อเนื่องจากการเตรียมวงเงินซื้อที่ดินศักยภาพสูงเข้าพอร์ต

 

จากก่อสร้างสู่อสังหาฯ

 

 ย้อนไป เมื่อ3ปีก่อน บริษัท เข้าตลาดหลักทรัพย์  ฯ ( mai )  ขณะนั้นเป็นธุรกิจก่อสร้าง ต่อมาเปลี่ยนประเภทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี จนประสบความสำเร็จ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด -19  นายภูมิพัฒน์ อธิบายว่าช่วงนั้น ที่ซื้อมามีที่ดินมา 2แปลง แปลงแรกโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มูลค่า 3,800ล้าน บาท 

 

อีกแปลง สวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน  โดย เปิดแปลงแรกก่อน  จังหวะเกิดโควิด -19   แต่บริษัทต้องเดินหน้าต่อ  และกลับเห็นดีมานด์ โครงการขายดีมากท่ามกลางตลาดไม่ดี สิ้นปี2564 มียอดขาย 73 % ยอดขาย ปี นี้ ( 2565) นี้ 98%   ลูกค้าที่เข้ามา วางดาวน์ค่อนข้างมากกว่า20% 

 

ช่วงโควิด บริษัท ระวังตัวเองไม่ได้ บุกดุดันอะไรแบบนั้น  แต่เมื่อโปรยผลผลิตไว้ก็เก็บเกี่ยว ไปตั้งแต่ไตรมาสที่2  ไตรมาสที่3  และไตรมาสสุดท้ายจะโอนมากขึ้น และจะโอนจริงคือ ครึ่งปีแรกปี 2566  ที่จะสร้างรายได้ทั้งกำไร มีเงินสดหมุนเวียนเข้ามา 

 

“ เงียบไปสองปีไม่พูดอะไร เราเป็นตัวเล็กๆแต่ตอนนี้ช่วงโอนแล้ว ลูกค้าคนไทย 90%ต่างชาติ 10 %”

 

 

นาย พสุ สะท้อนเพิ่มเติมว่าต่างชาติจะค่อยๆมาซึ่งจะมาโครงการเวหา มากกว่าส่วนโครงการ อินเตอร์คอนเป็นคอนไทยล้วน ช่วงโควิดไม่ได้โรดโชว์มากไม่ได้ทำการตลาด มีบ้างที่ ทำตลาดผ่าน เอเจนต์ เมื่อถามว่าจะบุกตลาดต่างชาติมากน้อยแค่ไหน ต้องยอมรับว่า บริษัทไม่ทำตลาดเป็นเรื่องเป็นราวแต่เห็นต่างชาติมาค่อนข้างมาก 

 

หากมีโอกาส มีโครงการที่เหมาะสมจะดำเนินการ  ซึ่งปัจจุบันมีฝ่ายขายต่างชาติช่วยหาลูกค้า ประสานกับเอเจนต์   สิงคโปร์ ไตหวัน ฮองกง  รัสเซีย ขณะจีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุด   ซึ่งลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ซื้อสด

 

เทรนด์เปลี่ยน

 

นายภูมิพัฒน์ ยอมรับว่า ลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์ กว่าพันล้านในขณะนี้ พบว่ามียอดโอนสดประมาณ70%มันกลับทางที่เคยมีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจอสังหาฯมา 20ปี  พบแต่ลูกค้ากู้ 100 %  แต่สำหรับโครงการที่เปิดขาย  โอนสด 70%เป็นกลุ่มคนไทยเจ้าของกิจการผู้บริหารระดับสูงหมด ซึ่ง ห้องใหญ่ขายดี สะท้อนความต้องการที่แท้จริง คือ ขนาดห้องที่สามารถอยู่อาศัยได้จริง และการบริการคอยอำนวยความสะดวกที่ลูกค้าต้องการ

  

 สถานการณ์โควิด เห็นเทรนด์เปลี่ยนไป คนหาจุดที่ออกจากเมืองมากขึ้น แล้ว ยังมี ไลฟ์สไตล์ สเตเคชั่นหรือ  เทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เมื่อก่อนพูดถึงแค่ ช่วง วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แต่โควิด ต้องพูดกันเป็นเดือน 

 

ประเมินว่าเทรนด์นี้ เป็นไป  ได้มากขึ้น ฟังชั่งตอบโจทย์  บริษัทจึงนำรูปแบบ การ บริหารจัดการ รูปแบบ โรงแรมที่บริษัทมีความชำนาญ  อำนวยความสะดวกลูกค้า ในทุกโครงการ  ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด ดูแล เรื่องอาการ  24ชั่วโมง

 

 

ปักหมุด2ทำเลทอง

 

การที่จะประสบความสำเร็จ มีอยู่สองแกน แกนแรก  เชอรสวิส  ดีเอนเอและ แกนที่สองตลาดที่เริ่มจากไฮเอ็นด์ ลักชัวรีก่อน ซึ่งนายพสุ ย้ำว่า เป็น สิ่ง ที่เราถนัด เป็นดีเอ็นเอ  ที่ใส่เส้นใยถักทอ ลงไป ให้ลูกค้าสัมผัส  ตาม “More than just living”  หรือ “การใช้ชีวิตที่เป็นมากกว่า แค่การอยู่อาศัย” 

 

มีองค์ประกอบตอบโจทย์ชุมชนข้างเคียงอยู่อาศัยออกแบบ คล้ายที่พักขุนนาง  ซึ่งจะทำฉีกตลาดที่ รายอื่นไม่มี  ทำเลอารีย์ กับ คอนแวนต์ก็เช่นกัน  มีแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับที่อยู่อาศัย  การออกแบบ การเข้าใจความเป็นอยู่และการบริการ แต่ละพื้นที่ทำอย่างไรให้กลมกลืนโดดเด่น โครงการที่หัวหิน ได้ออกแบบและพัฒนาคล้ายพระราชวัง เพราะที่นั่นมีพระราชวัง หัวหิน

 

 

โดยดึงเส้นบางอย่างซึ่งเป็นกลิ่นอาย ใส่เข้าไป แต่ให้ดู โมเดิร์นผสามกลมกลืน ในชุมชนพื้นที่ ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์พื่นถิ่นและการให้เกียรติ สถานที่ที่มีประวัติเรื่องราว ใครเห็นต้องบอกว่าสวยลงตัวในทุกมิติ อีกทั้งการบริการครบครันดุจโรงแรม

 

ผนึกโรงพยาบาลดัง ดูแลลูกบ้าน

 

จากประสบการณ์ ด้านโรงแรม ระดับ5ดาว  จึงนำมา ต่อยอดโครงการคอนมิเนียมลักชัวรี ทำเลคอนแวนต์  นอกจากนี้ยัง จับมือ กับ โรงพยาบาล BNH  ด้านสุขภาพ  เวลเนสเวลบีอิ้ง  เพื่อให้ลูกค้าที่ซื้อโครงการได้รับความสะดวกสบายสุงสุดทั้งด้านสุขภาพและการบริการรวมถึง สถานศึกษาที่อยู่ในย่านใกล้เคียง

 

“เข้าใจคนอยู่อาศัยเราไม่ขายแค่โปรดักส์ แต่ต้องลึกลงไปข้างในถ่ายทอดจากเจเนอเรชั่นหนึ่งไปอีกเจนฯหนึ่ง คอนแวนต์  ก็เช่นกัน แม้จะเป็นคอนโดฯทั่วไปแต่ถ้าจับมือกับโรงพยาบาล ก็จะได้ เข้าใจกลุ่มอยู่อาศัย คนต้องทำงานมีเด็กอยู่บริเวณนั้นมีโรงเรียนจะใช้วิธีอย่างไร  ทำให้ บ้านเป็นทั้ง ที่อยู่อาศัยที่มีความเงียบสงบ  มีห้องเรียหนังสือ  แยก ความสงบกับเสียงดัง ออกจากกัน  สองส่วนนี้อยู่ที่การดีไซน์ การให้บริการเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่โรคเฉพาะทาง ฉุกเฉิน โรงพยาบาลต่อยอด  “

 

 

 

นายภูมิพัฒน์ ฉายภาพอนาคต เมืองโซน คอนแวนต์”สีลม   จะกลายเป็น คอมเพล็กซ์ ใหญ่ เนื่องจากมีโครงการมิกซ์ยูขนาดใหญ่ ร่วมจอยพื้นที่   มีสวน สาธารณะ  รถไฟฟ้าเชื่อมโยง ที่จะเป็น “คอมเมอร์เชียล แวลูว์ “ ที่น่าจับตา

 

ดังนั้น การคิดและพัฒนาไม่ใช่แค่โปรดักส์  แต่ต้องลงลึกในดีเอ็นเอ ที่   “PROUD” สร้างความต่าง ด้วย “More than just living” ในขณะนี้  !!!