"นายกฯ"ฉะ "ศิริกัญญา" อย่าสร้างความสับสน ปม"ดิจิทัลวอลเล็ต"

11 พ.ย. 2566 | 10:34 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2566 | 11:04 น.

"เศรษฐา"ทวิตโต้ "ศิริกัญญา"อย่าสร้างความสับสนกับประชาชน เอามาตรฐานความคิดของตัวเองมาหวังว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตน

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ ตอบโต้ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่นายกฯเพิ่งจะแถลงความชัดเจนไปเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.66)

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง

โดยนายเศรษฐา ระบุว่า...
"อย่าเอามาตรฐานความคิดของตัวเองมาหวังว่าคนอื่นเค้าจะเป็นเหมือนกัน อย่ามองความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน มาเป็นมุมการเมืองที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนเลยครับ"

ทั้งนี้ เมื่อวาน (10 พ.ย.66)  น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีการชี้แจงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตของ นายกรัฐมนตรี ว่าสิ่งที่นายกฯ แถลงวันนี้ เป็นการยอมรับว่าไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน ทั้งเรื่องว่าจะเอาแหล่งเงินมาจากไหนในการดำเนินนโยบาย สุดท้ายต้องกู้มาแจก และเทคโนโลยีจากซูเปอร์แอปพลิเคชันที่ย้อนกลับมาใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง

ซ้ำร้าย เงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจจะไม่มีใครได้เงินเลยสักคนเดียว เพราะทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้าน ขัดต่อมาตรา 140 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 53 ของ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังเลือกทางนี้ ซึ่งนายกฯ และพรรคเพื่อไทยย่อมทราบดี เพราะเป็นกรณีเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยปัดตก พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อจะทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง เมื่อปี 2556

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล

"หรือนี่เป็นเพียงการสร้างภาพให้ความมั่นใจกับประชาชน ว่ากำลังจะได้เงิน ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไปไม่รอดแน่ เป็นการสร้างกับดักเพื่อที่ในอนาคต หากมีบรรดานักร้องหรือผู้ตรวจการแผ่นดินไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะสามารถอ้างได้ว่าเป็นความผิดของศาลรัฐธรรมนูญ ในการปัดตกร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล" 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า ขอยืนยัน ช่องทางในการร้องศาลรัฐธรรมนูญนั้น พรรคก้าวไกลจะไม่ไปร้องแน่นอน และขอคัดค้านสุดตัวไม่ให้เรื่องนี้มีศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ควรให้จบที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ตีความ และรัฐบาลรับผิดชอบในทางการเมืองด้วยตัวเอง

"แต่ถ้าถึงที่สุด เกิดอภินิหารและร่าง พ.ร.บ. นี้ผ่านสภาไปได้ การผ่อนชำระคืนใน 4 ปี บวกดอกเบี้ยในแต่ละปี จะสร้างภาระทางการคลังขึ้นไปเกือบ 20% ของรายได้รัฐบาล เท่ากับเก็บภาษีมาได้ก็เอาไว้จ่ายคืนหนี้ ดอกเบี้ยต่องบประมาณจะทะลุ 10% ในปีงบ 2568 ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาสถาบันจัดเครดิตเรตติ้งเฝ้าจับตาเพื่อรอหั่นเรตติ้งอยู่แน่นอน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลให้เหตุผลถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการทำนโยบายนี้ เพราะต้องการกอบกู้หรือกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จะพูดเช่นนั้นก็ได้ แต่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยมีการพูดถึงความจำเป็นเร่งด่วน ครั้งแรกรัฐบาลพูดว่าต้องดำเนินโครงการนี้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ตอนนี้เลื่อนเป็นเดือนพฤษภาคม 2567 เพราะต้องรองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ด้วยไทม์ไลน์แบบนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นความจำเป็นเร่งด่วน เพราะวิกฤตเกิดวันนี้ โอกาสที่จะแก้ไขต้องเกิดขึ้นภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า ไม่ใช่ 6 หรือ 8 เดือนข้างหน้า

 อีกประการ คือการออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน จำเป็นต้องผ่านสภาฯ 3 วาระ มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านในเวลาอันรวดเร็วแม้รัฐบาลจะคุมเสียงข้างมากในสภาฯ ด้วยเหตุผล 2 ข้อนี้ เห็นแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนที่แท้จริงหรือฟังขึ้น