มาเซราติ ยุคใหม่จับกลุ่มอีวี ภาษีเอื้อทำราคาต่ำ ดันยอดโต 30%

01 มี.ค. 2568 | 10:41 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มี.ค. 2568 | 10:51 น.

มาเซราติ รื้อโปรดักต์ยกแผง สร้างตัวตนที่ชัดเจนพร้อมลุยตลาดรถยนต์ยุคใหม่ เน้นเอสยูวี สปอร์ตคาร์ตัวแรง และรถพลังงานไฟฟ้า 100% เท่านั้น รับภาษีอีวีเอื้อประโยชน์ คาดยอดขายปีนี้โต 30%

ค่ายรถอิตาลี อายุ 110 ปี “มาเซราติ” กระเด็นกระดอนในการปรับโครง สร้างธุรกิจมาหลายครั้ง ปัจจุบันยังอยู่กับกลุ่ม สเตลแลนติส และยืนยันว่าจะไม่ขายแบรนด์ หรือแปรเปลี่ยนเจ้าของใหม่อย่างแน่นอน  ส่วนการทำตลาดในไทย ให้สิทธิ์บริษัทในกลุ่ม มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี เอเชีย เป็นผู้ดูแลมาได้ 7 ปีแล้ว (ก่อนหน้านี้เป็นอีกดิสทริบิวเตอร์หนึ่ง)

 

ในปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านของ มาเซราติ ประเทศไทย ด้วยการปรับไลน์อัพโปรดักต์ครั้งใหญ่ ตามไทม์ไลน์ของบริษัทแม่จากกรุงโมเดนา โดยรุ่นเดิมๆ ดูสะเปะสะปะอย่าง กิบลี่ (Ghibli) เลอวานเต้ (Levante) ยุติการขายไป และจะไม่มีขุมพลังไฮบริด (เบนซิน 2.0 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้า) กับเครื่องยนต์ วี8 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำตลาดในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อีกแล้ว

มาเซราติ ยุคใหม่จับกลุ่มอีวี ภาษีเอื้อทำราคาต่ำ ดันยอดโต 30% มาเซราติ ยุคใหม่จับกลุ่มอีวี ภาษีเอื้อทำราคาต่ำ ดันยอดโต 30%

จากนี้ไป ค่ายตรีศูลจะเน้นไปที่บล็อก วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เน็ททูโน (Nettuno) และรถพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เรียกชื่อรุ่นย่อยว่า โฟลกอเร (Folgore) เท่านั้น ดังจะเห็นได้จากแนวทางของการเปิดตัว

 

เอสยูวีรุ่นใหม่ ทั้ง เกรคาเล่ (Grecale) กับสปอร์ตคูเป้ โฉมใหม่ มาเซราติ กรันทูริสโม (Maserati GranTurismo) ล่าสุด มาเซราติ ประเทศไทย เปิดตัวเวอร์ชันเปิดประทุน มาเซราติ กรันคาบริโอ (Maserati GranCabrio) โดยรุ่น Folgore ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท และ Nettuno ราคา 18.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งราคาที่กลับทิศกลับทาง กับการขายในยุโรป เพราะในไทย รถยนต์ไฟฟ้า EV เสียภาษีสรรพสามิต 8% จึงขายได้ถูกกว่าตัว วี6 ที่โดนภาษีสรรพสามิต 30%

นายปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทได้ฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากการที่มีอีวี ทยอยเปิดตัวทำตลาด อย่าง เกรคาเล่ โฟลกอเร (ราคาเริ่มต้น 7.89 ล้านบาท) ได้การตอบรับดีพอสมควร ซึ่งการที่ภาครัฐสนับสนุนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ส่งผลให้รถนำเข้าหลายรุ่น สามารถทำราคาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับพวกเครื่องยนต์ วี6 หรือ วี8

มาเซราติ ยุคใหม่จับกลุ่มอีวี ภาษีเอื้อทำราคาต่ำ ดันยอดโต 30%

“ลูกค้าอายุ 40 ปลายๆ ยังสนใจความคลาสสิกของรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่กลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่จะมุ่งไปที่อีวี อย่างยอดขาย เกรคาเล่ แบ่งสัดส่วนระหว่างรุ่นอีวี กับ วี6 ได้ 50% : 50% ขณะที่สปอร์ตคาร์ กรันทูริสโม อีวีจะมีสัดส่วนถึง 80%”

 

ส่วน มาเซราติ กรันคาบริโอ ที่เพิ่งเปิดตัวไป มีขุมพลังให้เลือกทั้งสองแบบ ปัจจุบันนำเข้ามา 3 คัน แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อมาเซราติ มักจะเลือกออพชัน การตกแต่ง ซึ่งหลังจาก Configuration เรียบร้อย ต้องรอการส่งมอบรถ 5 เดือน โดยกลุ่มสปอร์ตคาร์จะผลิตที่โรงงานโมเดนา ส่วนเอสยูวี จะทำที่โรงงานตูริน ประเทศอิตาลี

 

“นับเป็นช่วงเวลาดี ที่ลูกค้าในไทย จะได้สัมผัสกับยนตรกรรมเปิดประทุนสุดหรู ซึ่งเป็นตำนาน กับ มาเซราติ กรันคาบริโอ ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาแบบคู่ขนานไปกับรุ่น กรันทูริสโม โดยเปิดตัวพร้อมกันสองรุ่น ทั้งแบบที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปพลังแรง และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100%”

 

มาเซราติ กรันคาบริโอ มาพร้อมหลังคาเปิดประทุน ที่ผลิตจากผ้าใบคุณภาพสูง มีให้เลือกถึง 5 สี สามารถกางออก-พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า ในเวลา 14 วินาที รวมถึงเปิดใช้งานได้ในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับรุ่น เน็ททูโน วางเครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ 550 แรงม้า ส่วน โฟลกอเร อีวี ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) กำลังรวม 761 แรงม้า แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 2.8 วินาที พร้อมแบตเตอรี่แรงดัน 800 โวลต์ ความจุ 92.5 kWh วิ่งได้ระยะทาง 445 กม.ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

มาเซราติ ยุคใหม่จับกลุ่มอีวี ภาษีเอื้อทำราคาต่ำ ดันยอดโต 30%

“ตลาดรถหรูระดับราคาเกิน 6 ล้านบาทขึ้นไป ยอดขายในปีที่ผ่านมาลดลงไปพอสมควร เช่นเดียวกับมาเซราติ ที่ปี 2567 มีรถยนต์รุ่นหลักส่งมอบโมเดลเดียวคือ เกรคาเล่ แต่สถานการณ์ปีนี้ต่างออกไป ด้วยยอดจองที่สะสมมา กับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทั้ง กรันทูริสโม และ กรันคาบริโอ จะเริ่มทยอยส่งมอบ คาดว่าปีนี้ยอดขายของเราจะเติบโตได้ 30%” นายปิยะเทพ กล่าวสรุป

 

ปัจจุบัน มาเซราติ ประเทศไทย มีโชว์รูม 3 แห่งคือ ที่ สุขุมวิท 26 (พร้อมศูนย์บริการ), สยามพารากอน และไอคอนสยาม