เปิด 10 อันดับยี่ห้อรถยนต์ที่ขายดีสุดประจำเดือนมกราคม 2568

01 มี.ค. 2568 | 17:43 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มี.ค. 2568 | 17:53 น.
676

เจาะยอดขายรถยนต์เดือนมกราคม 2568 เช็กเลยยี่ห้อไหนขายดี 10 อันดับแรก พร้อมส่องภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปัจจัยบวก -ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อตลาด

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ประเดิมยอดขายในเดือนแรกของปี มกราคม 2568 ด้วยยอดขายรวม 48,092 คัน ลดลง 12.3% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีที่ผ่านมา เมื่อแบ่งออกเป็นเซกเมนต์ต่างๆพบว่า ตลาดรถยนต์นั่งมียอดขาย 18,254 คัน ลดลง 22% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 29,838 คัน ลดลง 5% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ทำยอดขาย 15,363 คัน ลดลง 14.4%

 

ในส่วนของตลาด xEV หรือกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า มียอดขายรวมทั้งหมด 20,452 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด ลดลง 4.63% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปีที่แล้ว โดยรถยนต์ HEV มาแรงโต 12% ด้วยยอดขาย 11,441 คัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 7,239 คัน ลดลง 29.9%

 

เมื่อมาดูยอดขายแต่ละค่ายแต่ละแบรนด์ ในเดือนมกราคม 2568 พบว่าโตโยต้า ยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 17,379 คัน ตามมาด้วยฮอนด้า และอีซูซุ ตามลำดับ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบยอดขายรถ 10 อันดับแรกประจำเดือนมกราคม 2568 ได้ดังต่อไปนี้ 

เจาะยอดขายรถยนต์เดือนมกราคม 2568 เช็กเลยยี่ห้อไหนขายดี 10 อันดับแรก

โตโยต้า เผยแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระประชาชน

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย จากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี และมีผลบังคับใช้ทันที อาจมีส่วนช่วยลดภาระประชาชน รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ และการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

 

"ตลาดรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ แนวโน้มทรงตัว แต่คาดว่าอาจจะยังคงลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนต่อสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นอกจากนี้ สถาบันการเงินอาจยังคงความกังวลต่อหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้บริโภค ซึ่งอาจส่งผลต่อความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ"

 

โตโยต้า เผยแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาระประชาชน

ขณะที่ยอดการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ในเดือนมกราคม 2568 ลดลงทุกประเภท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานว่า ม.ค.ที่ผ่านมา ไทยผลิตรถยนต์รวม 107,103 คัน ลดลงร้อยละ 24.63 ขณะที่ตลาดส่งออก ทำได้ 62,321 คัน ลดลงร้อยละ 28.13 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำสุดในรอบ 33 เดือน 

เจาะปัจจัยกระทบยอดผลิต -ยอดขาย -ยอดส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม 68 

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ที่ลดลงเป็นผลมาจากการผลิตเพื่อขายในประเทศที่ลดลง เช่นเดียวกับผลิตเพื่อส่งออกก็ลดลง

 

สำหรับตลาดในประเทศ  สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศปี 2567 ขยายตัวในอัตราต่ำที่ร้อยละ 2.5 ในส่วนของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมก็ยังคงลดลงโดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ทำให้ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ

 

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  ขอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้นจากสี่เดือนเป็นสองเดือนเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมผลิตมากขึ้น จ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราสูงขึ้นซึ่งจะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เร็วขึ้นตามความประสงค์ของนายกรัฐมนตรี

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ขณะที่ตลาดส่งออก ที่ลดลง ร้อยละ 28.13 เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการตอบโต้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ ประกอบกับเดือนธันวาคมมีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนมกราคม จึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคมมีรถส่งออกได้น้อยตลาดออสเตรเลียตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้


อนึ่ง กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ ปี 2568 จำนวน 1,500,000 คัน แบ่งเป็น

  • ขายในประเทศ จำนวน 500,000 คัน
  • ส่งออกตลาดต่างประเทศ จำนวน 1,000,000 คัน 
     

ปัจจัยเสี่ยงกระทบตลาดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป