MGC-ASIA เติมเกมรุกปี 68 ลุยธุรกิจ EV - Alpha X - Howden Maxi

27 ก.พ. 2568 | 18:25 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.พ. 2568 | 18:26 น.

MGC-ASIA ประกาศยุทธศาสตร์ 3 ปี 2568-2570 เร่งขับเคลื่อน 4 กลุ่มธุรกิจ การเงิน Alpha X -ประกันภัย Howden Maxi -ยานยนต์ไฟฟ้า EV และพันธมิตรทางธุรกิจใหม่

ดร.สัณหวุฒิ  ธรรมชวนวิริยะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม  บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2568 MGC-ASIA วางกลยุทธ์การขับเคลื่อนทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจสู่ความยั่งยืน ผ่าน 3Ps นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้วางยุทธศาสตร์การเติบโต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

 

1. STRATEGIC GROWTH OBJECTIVES มุ่งเน้นการเติบโตผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจ ควบคู่กับแผนการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือและรักษาการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความประทับใจกับกลุ่มลูกค้าในทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ 

 

2. BUSINESS ECOSYSTEM SEGMENTS สร้างแบรนด์ร่วม (Co-Branding) สู่การพัฒนา เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงแผนการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก โดยบริษัทฯ จะร่วมกับ XPENG และ ZEEKR ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน เพื่อขยายตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ 

 

3. SUSTAINABILITY AND INNOVATION ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดปริมาณปล่อยคาร์บอนเพื่อต่อยอดสู่พลังงานหมุนเวียน
 

ดร.สัณหวุฒิ กล่าวว่า ปี 2568 บริษัทฯตั้งเป้าหมายในการเพิ่มความได้เปรียบสูงสุด ให้ธุรกิจในกลุ่มการเงิน, ประกันภัย และยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อน MGC-ASIA สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคต สอดรับกับกลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 

 

1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) บริษัทฯ มุ่งรักษาส่วนแบ่งตลาดรถพรีเมียมเพื่อครองอันดับ 1 โดยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายแบรนด์ดังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมพัฒนา MGC-MOBILIFE แพลตฟอร์ม loyalty program ที่มอบสิทธิประโยชน์ โดยใช้ระบบ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแต่งให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า 

 

2.กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) บริษัทฯ เตรียมขยายสาขา MMS Car Service & Tire ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (One-Stop Service) เพิ่มอีก 6 สาขา จากเดิม 22 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อขยายการให้บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) และเพิ่มบริการให้ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่ เพื่อสร้างอัตราการกลับมาใช้บริการของลูกค้าให้สูงขึ้น 

3. กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) โดยบริษัทฯ วางแผนดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมการเดินทางให้ครบวงจรทุกมิติ และปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การให้บริการ ตามการเติบโตของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มที่ให้บริการลูกค้าองค์กรมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ MGC-ASIA Ecosystem เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ให้ทุกกลุ่มธุรกิจ 

 

4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) ธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในปีนี้ จะมุ่งเน้นการเติบโตจากการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น พร้อมปรับปรุงกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยการนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนบริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัย ชั้นแนวหน้า กลุ่มบริษัทฯ วางแผนกลยุทธ์ในปีนี้ ที่จะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ รักษาการเป็นโบรกเกอร์ระดับชั้นนำ

 

สำหรับ MGC-ASIA ในปีที่ผ่านมา (2567)มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 145.60 ล้านบาท และ EBITDA ที่ระดับ1,631 ล้านบาท โดยไตรมาส 4/2567 (ตุลาคม-ธันวาคม 2567) ทำกำไรได้สูงสุด โดยมีรายได้รวม 5,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา(QoQ) และมีกำไรสุทธิ 95.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 888.40% (QoQ) ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 468 ล้านบาท เติบโต 23% (QoQ) 

 

ดร.สัณหวุฒิ  กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศมีความท้าทาย โดยตลาดลดลง 26% เทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ MGC-ASIA รับมือกับสถานการณ์ได้น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วนลดลงเพียง 10% ซึ่งเป็นผลมาจากรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตทั้งแบรนด์ XPENG และ ZEEKR ที่ได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมียอดส่งมอบรถมากกว่า 1,000 คัน จากปีก่อนที่ภาพรวมการส่งมอบรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองประมาณ 9,000 คัน

เตรียมส่งมอบ  XPENG

 

นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567  MGC-ASIA มีสินค้ารอส่งมอบ (Backlog) แบ่งเป็น, XPENG จำนวน 767 คัน, ZEEKR จำนวน 230 คัน, Rolls-Royce จำนวน 8 คัน, BMW จำนวน 42 คัน, MINI Cooper จำนวน 78 คัน, HONDA จำนวน 337 คัน, Harley-Davidson จำนวน 50 คัน และ BMW Motorrad จำนวน 41 คัน และในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ยังเตรียมส่งมอบรถยนต์ XPENG X9

 

ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ XPENG จำนวน 12 แห่งทั่วประเทศ และ ZEEKR by Z Mobility Plus อีก 2 สาขา คือ ศรีนครินทร์ และวิภาวดี ขณะที่ธุรกิจบริการหลังการขาย รวมถึงศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง Tesla Approved Body Shop (TAB)ได้รับความไว้วางใจจาก TESLA ให้เป็นผู้บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ก็อยู่ในช่วงขยายตัวและมีกำไรต่อเนื่อง จากการเพิ่มจำนวนของรถยนต์ที่เข้ารับบริการ 19%

 

“ช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีการขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ CITY AUTO GROUP เพื่อศึกษาโอกาสธุรกิจร่วมกัน ทั้งบริการ รถใหม่ รถมือสอง รถเช่า บริการทางการเงิน และประกันภัย เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ และสร้างการเติบโตร่วมกันในไทยและเวียดนาม” 


ดร.สัณหวุฒิ กล่าวเสริมเกี่ยวกับ Alpha X โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ที่เป็นผู้นำในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อให้บริการแบบครบวงจร ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เน้นการให้สินเชื่อเพื่อสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Lending) ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับสูง และมีความเสี่ยงที่ต่ำ ส่งผลให้พอร์ตการให้สินเชื่อเติบโตขึ้นกว่า 45% 

 

นอกจากนี้ มีการปรับลดขั้นตอนทำงาน และลดต้นทุนในการดำเนินงานลงได้กว่า 10% จากปีก่อนหน้า และลดการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้การลงทุนทางด้านเครดิตลดลงกว่า 50% เทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นปีแรก และเป้าหมายในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการเติบโตผ่านบริการ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วย AI พร้อมนำเสนอทางออกในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า

 

ส่วนธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ในปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึง กันยายน 2567 บริษัทฯ สามารถทำรายได้แตะระดับ 337 ล้านบาท เติบโต 2% และ มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการขยายพอร์ตไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่มากขึ้น

 

โดยทีมที่สามารถสร้างรายได้เข้าเป้า มาจากทีมอัญมณีเครื่องประดับ, ทีมงานศิลปะ และทีมงานโครงการพิเศษ นอกจากนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเฟื่องฟู ส่งผลให้ธุรกิจรถเช่า SIXT มีรายได้เติบโต 11.10% ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตและผลกำไรที่น่าพอใจ ทั้งรถเช่าระยะสั้น และรถเช่าระยะยาว รวมถึงบริการพนักงานขับรถ