APCO รุกออนไลน์-ออฟไลน์ สยายปีกขยายตลาดแอฟริกา

01 มี.ค. 2568 | 05:42 น.

APCO เปิดแผนรุกทุ่มงบกว่า 40 ล้าน เดินหน้า R&D – การตลาด เล็งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะตลาดออนไลน์ พร้อมสยายปีกส่งออกไนจีเรีย จับมือ TikTok ขยายฐานลูกค้า ดันยอดขายฝ่าเศรษฐกิจขาลง ซุ่มเจรจาขยายตลาดกลุ่มประเทศแอฟริกา หวังดันรายได้โต 10%

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัยOperation BIMและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์จำกัด (มหาชน)หรือ APCO เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดสินค้าสุขภาพและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง

จากรายงานของ Euromonitor ระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทยมีมูลค่าราว 1.9 แสนล้านบาทในปี 2565 และคาดว่าจะเติบโตแตะ 2.39 แสนล้านบาทในปี 2569 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 9%

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตได้แก่ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มสูงขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบใหม่ของผู้บริโภค เช่น การทำงานที่บ้านและความเครียดจากการทำงาน ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ

แต่ในปีนี้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้านเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการเติบโต ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ได้แก่ 1. ภาวะเศรษฐกิจซบเซา กระทบกำลังซื้อ ซึ่งในปีนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาหมุนเวียนในระบบมากนัก แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้น เช่น โครงการแจกเงิน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น

2. เงินหมุนเวียนในระบบลดลง ธุรกิจอาหารเสริมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพากำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก แต่เมื่อเม็ดเงินใหม่ในระบบเศรษฐกิจมีจำกัด การใช้จ่ายจึงลดลง การขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียนยังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในวงกว้าง ไม่เพียงแต่ธุรกิจอาหารเสริม แต่รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

APCO รุกออนไลน์-ออฟไลน์ สยายปีกขยายตลาดแอฟริกา

และ 3. ความไม่แน่นอนของตลาดท่องเที่ยว แม้การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ในแง่ของนโยบายที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง และปัจจัยภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ความไม่แน่นอนที่ทำให้ภาคธุรกิจไม่สามารถคาดการณ์ได้ ส่งผลต่อการวางแผนและการขยายตลาด

ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมี 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2. กลุ่มชะลอวัย นวัตกรรมวัฒนชีวา และ3.กลุ่มกระชับสัดส่วนและความงาม เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทโลชั่น ซึ่งปีนี้ใช้งบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท แบ่งออกเป็น การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ 10 ล้านบาท

และงบด้านการตลาดอีกกว่า 30 ล้านบาท สำหรับการรุกทำตลาดในช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่าง การพัฒนาระบบ Dropship เปิดโอกาสให้ตัวแทนจำหน่ายขายผ่านโซเชียลมีเดียโดยไม่ต้องสต็อกสินค้าพร้อมหารือกับ TikTok Thailand และ TikTok China เพื่อขออนุมัติจำหน่ายผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์ม คาดหากสำเร็จจะช่วยเพิ่มยอดขายทั้งในไทยและอาเซียน

APCO รุกออนไลน์-ออฟไลน์ สยายปีกขยายตลาดแอฟริกา

อีกทั้งจะมุ่งเน้นโครงการ BIM Advisor ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในไตรมาส 2 เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “MylifeSC” นวัตกรรมเพื่อการชะลอวัย พร้อมขยายช่องทางการขายสู่ตลาดแมสให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง

สำหรับตลาดไนจีเรีย APCO ได้ปรับแผนการส่งมอบผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDSโดยล็อตแรกเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และทยอยส่งตลอดปีตามสัญญาซื้อขาย 1 ล้านขวด คาดว่าไนจีเรียจะเป็นหนึ่งในตลาดที่สร้างรายได้สำคัญให้บริษัทในอนาคต

“ปัจจุบันผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย โดยมองหาความคุ้มค่าและคุณภาพที่ดี ขณะที่ความตระหนักถึงสุขภาพจิตจะเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าที่ช่วยบำบัดจิตใจมีความต้องการสูงขึ้น ที่สำคัญเทรนด์การซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์จะยังคงเป็นที่นิยม

เนื่องจากความสะดวกสบายและความหลากหลายของสินค้า ผู้บริโภคจะใช้เทคโนโลยี เช่น AI เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้น การเข้าใจพฤติกรรมและแนวโน้มของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในการปรับกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
 

นอกจากนี้ APCO ได้รับเลือกจากบริษัทท่องเที่ยวจีนที่จัดการแข่งขัน Texas Hold’em Game ในไทย ให้ผลิตภัณฑ์เพื่อชะลอวัยและเสริมภูมิคุ้มกันเป็นของกำนัลแก่ผู้ร่วมงานทุกคน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 2,000 คนต่อเดือน แต่ละคนซื้อผลิตภัณฑ์เฉลี่ย 6,500 บาท สร้างรายได้ราว 13 ล้านบาทต่อเดือน

และต้นปีที่ผ่านมากำลังอยู่ระหว่างเจรจาขยายตลาดสู่กลุ่มแอฟริกาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะทำให้ในปีนี้บริษัทมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10%

 

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,074 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2568