KEY
POINTS
บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญ Dan Buettner นักสำรวจจาก National Geographic ผู้ค้นพบและศึกษาพื้นที่ Blue Zones ผู้ดำเนินรายการในสารคดี Live to 100: Secrets of the Blue Zones ที่ฉายบน Netflix มาทำการเปิดประสบการณ์ผ่านการสัมภาษณ์พิเศษแบบ Exclusive ซึ่ง ‘แดน’ ได้เปิดเผยถึงความลับของ Blue Zones ที่อาจเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต
มนุษย์มักเชื่อว่าอายุที่ยืนยาวขึ้นหมายถึงภาระที่เพิ่มขึ้นของรัฐ เพราะผู้สูงอายุมักต้องพึ่งพาระบบสาธารณสุขและสวัสดิการของรัฐบาล แต่ Blue Zones ได้เปลี่ยนมุมมองนี้ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกเขาไม่ได้เพียงแค่อายุยืน แต่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ทำงาน และมีบทบาททางเศรษฐกิจจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
Dan Buettner ค้นพบว่า มี 5 พื้นที่หลักที่ประชากรใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีสุขภาพดี และแทบไม่มีโรคเรื้อรัง ซึ่งแดนได้ตั้งชื่อพื้นที่เหล่านี้ว่า "Blue Zones" ได้แก่
แดนสรุปออกมาเป็น 9 หลักการสำคัญ หรือ Power 9 ซึ่งเป็นเคล็ดลับของการมีอายุยืนยาว 100 ปีแบบไร้โรคภัยไข้เจ็บ
1. ปรับเปลี่ยนการกินอาหาร
คนใน Blue Zones ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ไข่ และนม ลดการบริโภคน้ำตาล เน้นอาหาร Plant-Based ผัก ผลไม้ และอาหารจากธรรมชาติ กินถั่วและขนมปังชนิดโฮลวีต
“การมีอายุยืนของพวกเขา เกี่ยวข้องกับอาหารที่เขากินตั้งแต่เด็ก อาหารกลางวันของคนยุค 1930 กับคนในวันนี้ไม่เหมือนกัน การกินอาหารแบบดั้งเดิมตั้งแต่เด็กของพวกเขา เป็นการสะสมที่ยาวนาน อย่างคนโอกินาวา กินเต้าหู้ ถั่วเหลือง หรือกินถั่ว 2 ครั้งต่อวัน ไม่ใช่การกินอาหารฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารสตรีทฟู้ด ที่เราหาได้ง่ายอย่างทุกวันนี้ เช่น ในเมืองไทย ผมไปเดินบรรทัดทองมา ก็มีความตกใจกับอาหารพอสมควร แถมยังมีร้านสะดวกซื้อต่างๆ มากมาย”
2. ไม่ปล่อยให้ร่างกายอยู่เฉยๆ
การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของคนในพื้นที่ Blue Zone ได้เผยให้เห็นว่า คนในพื้นที่เหล่านี้ มักมีวิถีชีวิตที่กระตือรือร้น และเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ โดยพวกเขามักทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานในชีวิตประจำวัน
3. รับแดดบ้าง
คนใน Blue Zone มักใช้เวลาในช่วงกลางวันอยู่กลางแจ้งอย่างสม่ำเสมอ พวกเขามักได้รับแสงแดดที่เพียงพอซึ่งช่วยในการผลิตวิตามินดี และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม การสัมผัสแสงแดดในระดับที่เหมาะสม เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คนในพื้นที่เหล่านี้มีสุขภาพดี และอายุยืนยาว
4. นอนเป็นเวลา
คนใน Blue Zone นอนหลับแบบมีคุณภาพ และเพียงพอ มีตารางเวลานอนที่สม่ำเสมอ และให้ความสำคัญกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เช่น ก่อน 4 ทุ่ม หรือไม่เกินเที่ยงคืน โดยไม่ตื่นกลางดึก และไม่ใช้ยานอนหลับ การหยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 60-90 นาที และหลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนหลังบ่ายสอง
5. เลี่ยงแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่
ชาวโลมา ลินดานับถือคริสตจักร Seventh-day Adventist Church มีข้อห้ามด้านการกินอาหารที่เคร่งครัด จึงไม่สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์1 แต่อาจมีบางที่ อย่างอิคาเรีย และซาร์ดิเนีย ที่ดื่มไวน์เล็กน้อยในระหว่างมื้ออาหาร หรือดื่มฉลองกับเพื่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าสังคม และช่วยส่งเสริมสุขภาพด้านจิตใจด้วย
6. ตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิต
ช่วยให้พวกเขามีแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เช่น ทุกเช้าชาวโอกินาวาจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับหลักการที่เรียกว่า ‘อิคิไก’ ส่วนชาวนิโคยาเรียกว่า ‘ปลัน เด ปีดา’ หรือเป้าหมายชีวิต ซึ่งช่วยกระตุ้นให้พวกเขามีแรงบันดาลใจ และเป้าหมายของตัวเองตลอดเวลา
7. ใช้ชีวิตแบบ Slow Life
ดำเนินชีวิตอย่างช้าๆ และตั้งใจ ให้ความสำคัญในปัจจุบัน ทำให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมีสุขภาพดี การให้ความสำคัญกับการผ่อนคลาย การมีเวลาอยู่กับครอบครัว และเพื่อนๆ หรือการทำกิจกรรม
8. มองโลกในแง่ดี คิดบวกเสมอ
พวกเขามีทัศนคติที่เป็นบวก และมองโลกในแง่ดี เต็มไปด้วยความสุข ไม่เครียด มีอารมณ์ขัน และการอยู่กับปัจจุบัน
9. อยู่ในสังคมที่ไม่ Toxic
การมีครอบครัว และเพื่อน ที่สามารถพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต พวกเขามักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ที่ช่วยสร้างความสุข และสุขภาพดี
"ปกติแล้ว ระบบเศรษฐกิจแบบเดิมมองว่าผู้สูงอายุเป็นภาระ เพราะพวกเขาต้องใช้บริการด้านสุขภาพและสวัสดิการจากรัฐ แต่ใน Blue Zones นั้นแตกต่างออกไป เพราะผู้สูงวัยยังคงสามารถทำงาน สร้างคุณค่า และมีสุขภาพแข็งแรง ทำให้พวกเขายังคงเป็นกำลังสำคัญในระบบเศรษฐกิจ"
มีงานวิจัยที่สนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น
สิงคโปร์: บลูโซนแห่งที่ 6 ของโลก
ล่าสุด สิงคโปร์ได้รับการยกย่องให้เป็น Blue Zone แห่งที่ 6 ของโลก ซึ่งแตกต่างจาก Blue Zones อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะ สิงคโปร์เป็นบลูโซนที่ถูกสร้างขึ้นจากนโยบายรัฐ
🇸🇬 สิ่งที่สิงคโปร์ทำเพื่อให้ประชากรอายุยืน
ผลลัพธ์คือ ประชากรสิงคโปร์มีอายุเฉลี่ย 86 ปี เพิ่มขึ้นจาก 65 ปีในปี 1960 และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจต่ำที่สุดในโลก
บทสรุป: Blue Zones กำลังเปลี่ยนโลกที่เราเคยรู้จัก
แนวคิด Blue Zones ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของอายุยืน แต่มันกำลัง ท้าทายแนวคิดเดิมของเศรษฐกิจและคุณค่าของมนุษย์ คำถามคือ… หากเมืองและประเทศต่าง ๆ สามารถสร้าง Blue Zones ได้จริง เราจะยังคงนิยาม "ความมั่งคั่ง" ด้วยตัวเลข GDP อยู่หรือไม่? หรือแท้จริงแล้ว ความสุขและสุขภาพคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต?