ขณะนี้ ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงฤดูฝนและเผชิญกับฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้อากาศเริ่มเย็นลงและมีความชื้นเพิ่มขึ้น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ สามารถแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น โดยกลุ่มโรคที่สามารถพบได้บ่อยในช่วงหน้าฝนเกิดได้จากหลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ โรคติดต่อจากอาหารและน้ำ การติดเชื้อทางบาดแผลและเยื้อบุต่างๆ โรคที่มียุงเป็นพาหะ รวมถึงโรคมือ เท้า ปาก ที่มักพบได้บ่อยถึงบ่อยมากในช่วงฤดูฝน
ฐานเศรษฐกิจพาอัปเดต 5 กลุ่มโรคที่มาพร้อมกับหน้าฝน ปี 2567 เพื่อเป็นการเตรียมตัวรับมือกับปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในฤดูฝน
โรคไข้หวัด โรคที่พบได้บ่อยตลอดทุกฤดู โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและมีความชื้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศสามารถแพร่กระจายได้ง่าย ทั้งจากการสัมผัสและการสูดดม โดยอาการไข้หวัดจะสามารถหายเองได้ใน 1 สัปดาห์
เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นมาอีกนิด คือ โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ตามฤดูกาล ที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง โดยจะมีอาการไข้สูง ปวดหัว อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีอาการทางระบบหายใจ เช่น น้ำมูกไหล ไอ และอาจมีอาการหอบร่วมด้วย
ตลอดจนเกิด โรคปอดอักเสบ ไปจนถึงพบอาการทางระบบประสาท อาทิ ชัก ซึม ไข้สมองอักเสบ ซึ่งอาการแทรกซ้อนดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อย่างสม่ำเสมอทุกปี
เป็นอีกหนึ่งกลุ่มโรคที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากคนเราต้องรับประทานอาหารและดื่มน้ำอยู่ทุกวัน หากรับประทานสิ่งที่ไม่สะอาดหรือมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ก็อาจทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ได้ โดยโรคที่พบบ่อยคือ โรคอาหารเป็นพิษ ที่เกิดจากการรับแบคทีเรียปนเปื้อนในอาหารและน้ำ รวมถึงอาหารที่ปรุงไม่สุก ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นไข้ ปวดศีรษะ และอาจลามไปถึง โรคลำไส้อักเสบ ได้เลย
โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคบิด และโรคที่ทำให้ถ่ายท้องหนัก ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวังเช่นกัน เพราะการขับถ่ายติดต่อกันหลายครั้งอาจทำให้ร่างกายช็อก หมดแรง และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากพบว่าตัวเองขับถ่ายผิดปกติ อาทิ ถ่ายเหลว 3 ครั้งติดต่อกันหรือมากกว่า ใน 1 วัน มีมูกเลือดปนหรือพบอาการข้างเคียงอื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์
มีตั้งแต่ โรคตาแดง หรือ โรคเยื่อบุตาอักเสบ ที่เกิดจากการสัมผัส ซึ่งในผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ อาจทำให้มีอาการคันและระคายเคืองตาบ่อย จนเกิดอาการตาอักเสบติดเชื้อตามมาได้ ควรมียาทาหรือยาหยอดตาไม่ขาดบ้าน
และอีกหนึ่งโรคที่ติดต่อได้จากสัตว์สู่คน คือ โรคฉี่หนู ซึ่งมีหนูหรือสัตว์ฟันแทะเป็นพาหะ โดยเชื้อจะถูกปล่อยออกมากับปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค ซึ่งจะปนเปื้อนอยู่ตามน้ำและดินที่เปียกชื้น ทำให้เป็นเชื้อโรคที่พบได้มากในช่วงหน้าฝน โดยเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางผิวหนัง ตามรอยแผล รอยขีดข่วน และทางเยื้อบุของตา จมูก ปาก
เมื่อพูดถึงหน้าฝน อีกหนึ่งโรคที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการตั้งแต่น้อยไปจนถึงรุนแรง เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศทุกวัย ในบางรายอาจตรวจพบได้ในระยะเริ่มต้น แต่ก็มีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ตรวจพบตอนที่อาการรุนแรงแล้ว ส่งผลทำให้มีอัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกปี
รวมถึง โรคซิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย ที่จะมีอาการคล้ายกับโรคไข้เลือดออก แต่จะไม่มีอาการที่รุนแรงมากจนถึงขั้นช็อก นอกจากนี้ ยังมี โรคไข้มาลาเรีย หรือ โรคไข้ป่า ที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ โดยยุงเหล่านี้มีแหล่งเพราะพันธ์อยู่บริเวณเขาสูง ป่าทึบ และแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งอาการแรกเริ่มของผู้ป่วยจะแสดงภายใน 10 วัน - 1 เดือน แต่ในบางรายก็ไม่พบอาการใดๆ
และยังมี โรคไข้สมองอักเสบเจอี ที่เกิดจากเชื้อไวรัสจีอีที่สมอง ซึ่งมียุงรำคาญเป็นพาหะ จะมีอาการหลังรับเชื้อภายใน 15 วัน ในระยะแรกจะมีไข้สูง เวียนหัว อาเจียน และอ่อนเพลีย หากมีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยจะมีอาการแทรกซ้อนทางสมองต่างๆ อาทิ สติสัมปชัญญะลดลง เพ้อ คลั่ง คอแข็ง ชักหมดสติ และเป็นอัมพาตได้
ตลอดจน โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า จากยุงลาย แม้จะไม่มีอาการรุนแรง แต่ก็ห้ามประมาท โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่ทำให้ทารกเกิดภาวะสมองพิการแต่กำเนิดได้ ในรายที่ติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะสมองอักเสบเฉียบพลันหรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งได้อีกด้วย ทั้งนี้ ส่วนมากผู้ป่วยจะสามารถหายได้เอง หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และอาการจะทุเลาลงภายใน 1 สัปดาห์
โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคยอดฮิตตลอดกาลที่มาพร้อมกับหน้าฝน มักพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ซึ่งอาจพบได้ในผู้ใหญ่ก้วยเช่นเดียวกัน แต่อาการมักไม่รุนแรงเท่าผู้ป่วยในเด็ก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอ็นเทอโร ซึ่งมาพร้อมกับอาการไข้ เป็นแผลในปาก และมีตุ่มน้ำใสตามฝ่ามือ ฝ่าเท้าตลอดจนลำตัว ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป
ประเทศไทยเรายังต้องอยู่กับฤดูฝนและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้ไปอีกหลายเดือน วิธีรับมือที่ดีที่สุด คือการดูแลตัวเองและหาวิธีป้องกันที่ดี เพื่อไม่ให้ตัวเองและคนในครอบครัวเผชิญความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต กิจวัตรประจำวัน การรับประทานอาหารและน้ำ การทำความสะอาดร่างกายและที่อยู่อาศัย ตลอดจนการไปตรวจเช็กสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากต้องรับมือกับโรคที่มากับหน้าฝนต่างๆ แล้ว ยังรวมไปถึงโรคโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังถือเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา เพราะอาการของโรคในผู้ป่วยแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้
ขอบคุณที่มา : โรงพยาบาลศิครินทร์