จากนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายลดกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ โรค NCDs (Non-Communicable diseases)
ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดมหกรรม Kick off คนไทยห่างไกล NCDs "NCDs ดีได้ ด้วยกลไก อสม." ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โดยนายสมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวให้นโยบายตอนหนึ่งว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายที่จะทำให้คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพโดยส่งเสริมสุขภาพทุกมิติและวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ผลักดันแนวคิดเวชศาสตร์วิถีชีวิตและสุขภาพองค์รวมสู่การปฏิบัติ
พร้อมทั้งปรับปรุงกฎหมายและมาตรการให้เอื้อต่อการควบคุม ดูแลส่งเสริมสุขภาพเพื่อลดอัตราการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ก่อนเข้าสู่ระบบการรักษาซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชนและภาครัฐได้
โดยมี อสม. เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวในการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง ช่วยสื่อสาร ส่งต่อ องค์ความรู้ด้านการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ทั้งการกินอาหารที่เหมาะสม รู้จักนับคาร์บ หรือคาร์โบไฮเดรตจากแป้งและน้ำตาล ลดของหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดผู้ป่วย NCDs รายใหม่ และลดความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยรายเดิมได้
คำว่า NCDs คือ โรคที่ไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง ถามว่าน่ากลัวขนาดไหน ในอดีตมี 30 บาทรักษาทุกโรคเพราะคนป่วยล้มละลายจากโรค NCDs ใช้เงินทองในการรักษาจำนวนมากโชคดีที่มี 30 บาทรักษาทุกโรคซึ่งเริ่มขึ้นในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ และพัฒนามาเรื่อยมาถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขยับเป็น 30 บาทรักษาทุกที่
"กระทรวงสาธารณสุขโชคดีที่เจ้าของนโยบายดั้งเดิม คือ นายทักษิณได้กลับมาประเทศไทย เมื่อกลับมาแล้วก็สนับสนุนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกทีซึ่งตามหลักการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องทำให้เต็มที่ เมื่อเข้ามาดูงบประมาณของ 30 บาทรักษาทุกที่ดูแล้วตกใจเพราะใช้เงินมหาศาลในการดูแลสุขภาพประชาชนกับโรค NCDs ก็เลยคิดว่า การดูแลลักษณะนี้การช่วยทำให้คนไม่ป่วยเพราะถ้าจะไปพึ่งพาบุคลากรทางการแพทย์อย่างเดียวทั้งหมดคงจะไม่พอ
บุคลากรยังขาดแคลน 2 -3 หมื่นคน ต้องใช้เวลาในการผลิตเพิ่มเกือบ 10 ปีที่จะทำให้ครบจำนวนและได้เห็นการใช้จ่าย 30 บาทรักษาทุกโรคได้ก็มีจุดที่เราสามารถแก้ไขได้ก็คือการดำเนินการเรื่อง NCDs ให้เป็นเรื่องราวจึงใช้โอกาสนี้มาพบปะพี่น้องใน อสม.และมีการรณรงค์ไปหลายแห่งหลายจังหวัดแล้ว ทราบว่า อสม.นับคาร์บได้ 100% แล้ว
"ผมจะมาขอให้อสม.หนึ่งคนไปช่วยรณรงค์ให้ผู้คนที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลในสายงานของท่านหรือชาวบ้าน 1 ต่อ 50 คน การบ้านของเราปีนี้เราต้องไปแนะนำให้คนที่ไม่ใช่อสม.สามารถนับคาร์บให้ได้ 50 ล้านคน ขึ้นไป เดิมอสม.ได้ค่าป่วยการ 2000 บาทต่อคนถ้าเราทำเรื่องนี้ได้เรียบร้อยจัดการ NCDs ให้หมดแล้ว ถ้าอยากได้ค่าป่วยการเพิ่มขึ้น ต้องเอางานไปแลก" นายสมศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขและพรรคเพื่อไทยยังได้ขับเคลื่อนร่างพรบ.อสม. เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและทำให้มีกองทุนเพื่อที่จะดึงเงินบริจาคเข้ามาในส่วนนี้เช่นจากการปราบปรามยาเสพติดที่มีคนแจ้งเบาะแสรวมถึงการใช้งบประมาณในการรักษาโรค NCDs ที่ลดลง
ตนเห็นแหล่งเงินจากที่ใช้รักษาเพราะแต่ละปีโรคNCDs มีคนตายปีมากกว่า 400,000 คน มีการใช้จ่ายงบประมาณของ 30 บาทรักษาทุกที่ ปีที่แล้วใช้ไป 150,000 ล้านบาท ใช้กับโรคNCDs 52% หรือ 79,000 ล้านบาท ถ้ามารณรงค์ให้คนไม่ป่วยได้เงินพวกนี้ก็ไม่ได้เอามาใช้ ก็มีโอกาส นำมาเข้ากองทุนใหม่อสม.ได้ รวมถึงเงินกู้ของอสมมอคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนหน้าโดยมีการลงนามเอ็มโอยูกันไปแล้วช่วงต้นเดือนมกราที่ผ่านมา
ภายหลังพบปะอสม.แล้ว นายสมศักดิ์และคณะได้เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลจังหวัดศรีสะเกษเพื่อตรวจเยี่ยม หอผู้ป่วยกมลรักษ์ คลินิกจิตเวชและยาเสพติด พร้อมกับตรวจเยี่ยมการห้องควบคุมพฤติกรรม หอกมลรักษ์หญิง - ชายห้องดูแลผู้ป่วยพฤติกรรมรุนแรง
การให้บริการรักษาด้วยไฟฟ้าแบบใช้ยาระงับความรู้สึก พร้อมกันนี้ยังได้ดูการซ้อมแผนเผชิญเหตุ และการจัดการภาวะก้าวร้าวฉุกเฉินที่ทางโรงพยาบาลจัดขึ้นขณะเดียวกันนายสมศักดิ์ยังได้ไปตรวจเยี่ยมห้องปลอดฝุ่นอีกด้วย
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า โรค NCDs ต้องทำความเข้าใจเรื่องการบริโภคอาหารให้เป็นสัดส่วนโดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกินสัดส่วนของร่างกายถ้าหากไม่ดูแลเรื่องอาหารการกินก็จะทำให้เกิดโรคความดันซึ่งเป็นต้นเหตุของสารพัดโรคที่จะตามมาและเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงเป็นเงินกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่
ถ้าเราจะหยุดเรื่องนี้ต้องใช้ความเข้าใจผ่านกลไก อสม.มีหลายจังหวัดเรียกร้องว่าทำไมผมจึงไปบางจังหวัดเพื่อไปทำให้ประชาชนเข้าใจ
สิ่งที่ตามมาคือเราต้องมีศูนย์ NCDs ในทุกอำเภอเพื่อบ่งชี้ว่าเรารณรงค์ไปได้มากน้อยแค่ไหนและแนวนโยบายกระทรวงสาธารณสุขต้องการ 50 ล้านคนที่เข้าใจเรื่องการกินกินเป็นไม่ป่วยผู้หญิงก็สวยผู้ชายก็หล่อเด็กๆก็จะอายุยืน โดยเฉพาะการนำสูตรของแฮร์ริสแบนเนดิกมาทำการศึกษาและเรียนรู้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริง
เมื่อถามถึงสถานการณ์ของการดูแลผู้ป่วยจิตเวชล่าสุดในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษมีการฆ่าปากคอกันเกิดขึ้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราเรียนรู้แล้วว่าบางเรื่องของจิตเวชมันความรุนแรงขณะเดียวกันก็จะทบทวนว่า บุคลากรที่เข้ามาทำงานบางครั้งศักยภาพยังไม่ถึงจะต้องทำการอบรมและแนวทางน่าจะเป็นที่ปลอดภัยและสบายใจสำหรับทุกคนต้องการให้พี่น้องประชาชนสบายใจการรับพนักงานเข้ามาใหม่และมีคนป่วยจิตเวชมากหากไม่เติมให้กับทุกคนก็จะกลายเป็นปัญหาเหมือนที่ผ่านมาซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขฝึกอบรม