นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่เปิดพิธีชมบ้านตัวอย่างในโครงการบ้านเพื่อคนไทย รวมทั้งการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์บ้านเพื่อคนไทย เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมานั้น
ขณะเดียวกันโครงการนี้นำร่องบนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย บางซื่อกม.11 สถานีธนบุรี เชียงราก และเชียงใหม่
ทั้งนี้ตามกระบวนการหลังจากลงทะเบียนจองสิทธิ์แล้ว หลังจากนั้นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะเป็นผู้ดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์การจับสลากรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติและได้รับการตรวจสอบจากธอส. เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม
ทั้งนี้วิธีการจับสลากนั้นได้มอบหมายให้สำนักงานสลากฯเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ คาดว่าจะประกาศผู้ได้รับสิทธิ์ภายใน 3 เดือน ซึ่งโครงการก่อสร้างนำร่องทั้งหมด 5,000 ยูนิต ครอบคลุมทั้ง 4 แปลง
อย่างไรก็ดีในเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างหลังจากได้ผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมดไม่เกิน 3 เดือน ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 1ปี 6 เดือน คาดว่าประชาชนจะสามารถเข้าอยู่เฟสแรกได้ภายในปี 69
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทยที่ถนนเจริญเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จะเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวา ซึ่งจะสร้างเสร็จก่อน เนื่องจากมีเพียง 35 ยูนิต โดยผู้จองสิทธิ์บ้านเดี่ยวจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้เข้าพักอาศัยได้ประมาณกลางปี 2569
ส่วนที่เหลือจะเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้นและ 12 ชั้น ขนาด 30-50 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท โดยเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างใน 3 เดือนนี้ หลังจากที่มีการตรวจสอบสิทธิ์และจำนวนที่ถูกต้อง ที่ย่านบางซื่อ กม.11 ก่อน
ขณะเดียวกันยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ในการก่อสร้าง เพราะต้องรอดูจำนวนประชาชนที่จองสิทธิ โดย เอสอาร์ที แอสเสท ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจะสร้างตามจำนวนที่จองเข้ามาก่อน
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า เฟส 2 ในระยะต่อไปนั้นจะมีการพิจารณาดำเนินการก่อนแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป ยืนยันว่าโครงการนี้ ไม่ได้เป็นการแข่งขันกับผู้ประกอบการ
ขณะที่กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือนมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น เรื่องนี้รัฐมองว่าเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายค่าบ้านและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หากเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 บาทต่อเดือน อาจไม่มีกำลังในการผ่อนค่าบ้าน
สำหรับรูปแบบการก่อสร้างและพื้นที่ใช้สอยของโครงการบ้านเพื่อคนไทยทั้ง 4 แปลง ดังนี้ พื้นที่บางซื่อกม. พื้นที่ 14 ไร่ จำนวนอาคารที่อยู่อาศัย เป็นอาคารชุดขนาดเล็ก 1 อาคาร
ส่วนอาคารชุดขนาดใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณา จำนวนห้องอยู่ระหว่างการพิจารณาจำนวนผู้มีสิทธิ์ผ่านคุณสมบัติจากธอส. โดยมีห้องพักขนาด 30 ตร.ม. (1 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 40 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 45 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 51 ตร.ม. (2 ห้องนอน)
ด้านสถานีธนบุรี พื้นที่ 21 ไร่ เป็นอาคารชุดขนาดเล็ก จำนวน 2,100 ห้อง มีห้องพักขนาด 30 ตร.ม. (1 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 40 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 45 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 51 ตร.ม. (2 ห้องนอน)
ส่วนพื้นที่สถานีเชียงราก มีพื้นที่ 6 ไร่ เป็นอาคารชุดขนาดเล็ก จำนวนห้อง 308 ห้อง โดยมีห้องพักขนาด 30 ตร.ม. (1 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 40 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 45 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ห้องพักขนาด 51 ตร.ม. (2 ห้องนอน) ขณะที่เชียงใหม่ พื้นที่ 7 ไร่ เป็นอาคารบ้านพัก 35 แห่ง โดยเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว 2 ห้องนอน ขนาด 50 ตร.ม. บนที่ดินขนาด 50 ตร.ว.
ทั้งนี้พื้นที่ทั้ง 4 แปลงของรฟท.ในโครงการบ้านเพื่อคนไทยจะมีระบบบริหารจัดการ Smart Residence โดยเป็นการติดตั้ง Smart Function ในห้องพักและส่วนกลาง สำหรับระยะเวลาการเช่าบ้านพร้อมที่ดิน มีสัญญาเช่าคราวละ 30 ปี ต่อสัญญาเช่า 1 ครั้ง รวมเป็น 60 ปี
เมื่อรัฐบาลแก้ไขกฎหมายให้สัญญาเช่ามีอายุการเช่าได้คราวละ 99 ปี บริษัทฯ จะดำเนินการแก้ไขสัญญาเช่าบ้านพร้อมที่ดินให้กับประชาชนผู้เช่าให้มีอายุสัญญาเช่าคราวละ 99 ปี ด้วย
อย่างไรก็ตามการผ่อนชำระเงินนั้นประชาชนสามารถกู้เงินจาก ธอส. และนำมาเงินมาชำระค่าที่อยู่อาศัยให้กับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระเงินคืนให้กับ ธอส. กำหนดระยะเวลา 30 – 40 ปี โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์และผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 4,000 บาทต่อเดือน