นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับพิธีเปิดการเข้าชมตัวอย่างห้อง และเปิดให้ประชาชนแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลังนั้น
ทั้งนี้จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579) พบว่า จำนวนครัวเรือนในประเทศไทย 21.32 ล้านครัวเรือน มีคนไทยถึง 27.5% หรือ 5.87 ล้านครัวเรือนที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์ปัจจุบันบ้านที่มีคุณภาพสูงในทำเลที่ดี มีราคาค่อนข้างแพงและใช้ต้องเงินดาวน์ จนทำให้ความฝันที่จะมีบ้านเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือ First Jobber
ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ทำโครงการบ้านเพื่อคนไทย สร้างที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม โดยไม่ต้องมีเงินดาวน์ ผ่อนรายเดือนไม่สูง และมีคุณภาพดี ซึ่งเป้าหมายเพื่อทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงที่อยู่อาศัย ได้มีบ้านของตัวเอง และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ ฯ www.บ้านเพื่อคนไทย.th
นอกจากนี้ยังสามารถชมตัวอย่างห้องได้ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 17 - 31 มกราคม 2568 ในเวลา 10.00 - 21.00 น. โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ
ทั้งนี้หลังจากนั้นจะปรับวันและเวลาเข้าชม ให้มีความเหมาะสมกับปริมาณผู้เข้าชมในแต่ละวัน ในลำดับต่อไป
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีประชาชนลงทะเบียนจองสิทธิ์ 12 ล้านคนภายในชั่งโมงแรก ส่งผลให้เว็บล่ม ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
"รัฐบาลมีความตั้งใจก่อนสิ้นสุดวาระรัฐบาลชุดนี้มีเป้าหมายให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตัวเองประมาณ 3 แสนคน"นายสุริยะ กล่าว
ขณะเดียวกัน พบว่า 2 ชั่วโมงหลังจากเปิดจองสิทธิ์บ้านเพื่อคนไทย มีผู้ที่สนใจแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากในวันแรกกว่า 20 ล้านคน อาจทำให้ระบบดำเนินการล่าช้า
สำหรับผู้ที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ยังสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้เรื่อย ๆ ที่เว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้หลังจากลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์แล้วหากผ่านคุณสมบัติข้อมูลจะถูกส่งไปที่ธอส.เพื่อแจ้งตรวจสอบข้อมูลก่อนจับสลากต่อไป ซึ่งผู้อยู่อาศัยมีสิทธิ์ 99 ปี
ปัจจุบันตามกฎหมายสามารถทำสัญญาได้ 30 ปีและสามารถต่อได้อีก 30 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมแก้ไขกฎหมายให้ครอบคลุมได้ถึง 99 ปี
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามกระบวนการหลังจากลงทะเบียนจองสิทธิ์แล้วจะมีการจับสลากรายชื่อผู้สิทธิ์ได้โดยสำนักงานสลากฯ เพื่อความโปร่งใส ยุติธรรม ซึ่งได้มีอบหมายให้สำนักงานสลากฯเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ คาดว่าจะประกาศผู้ได้รับสิทธิ์ภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างทันที คาดว่าประชาชนจะสามารถเข้าอยู่เฟสแรกได้ภายในปี 69 โดยการก่อสร้างนั้นจะขึ้นอยู่ปริมาณของดีมานด์และซัพพลายของผู้ที่มีสิทธิ์ได้บ้าน
ส่วนเฟส 2 ในระยะต่อไปนั้นจะมีการพิจารณาดำเนินการก่อนแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป ยืนยันว่าโครงการนี้ ไม่ได้เป็นการแข่งขันกับผู้ประกอบการ
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่การก่อสร้างโครงการบ้านเพื่อคนไทยบนพื้นที่บางซื่อกม.11และพื้นที่สถานีธนบุรี จะกระทบต่อบ้านพักพนักงานรถไฟนั้น เรื่องนี้มองว่าพนักงานมีสิทธิ์ลงทะเบียนจองโครงการนี้ได้ ซึ่งจะเป็นสิทธิพิเศษที่มีราคาแตกต่างจากประชาชนทั่วไป
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือนมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทยนั้น เรื่องนี้รัฐมองว่าเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระค่าใช้จ่ายค่าบ้านและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หากเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 บาทต่อเดือน อาจไม่มีกำลังในการผ่อนค่าบ้าน
ทั้งนี้จากการสำรวจและวิเคราะห์ปัจจุบัน พบว่ามีพื้นที่ศักยภาพสามารถนำมาใช้ในการดำเนินโครงการได้ประมาณ 25 จังหวัด และมีพื้นที่เป้าหมายสามารถพัฒนาเป็นโครงการนำร่องได้ 4 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่กม.11 (วิภาวดี), พื้นที่ธนบุรี, พื้นที่เชียงใหม่ และพื้นที่เชียงราก
ขณะเดียวกันสามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมบนทำเลที่มีศักยภาพ สะดวกต่อการเดินทางโดยระบบสาธารณะ ตอบโจทย์ตามความต้องการของประชาชน
สำหรับโครงการบ้านเพื่อคนไทย มีรูปแบบโครงการที่พักอาศัย ในระยะแรก 2 ประเภท ได้แก่
1.คอนโดมิเนียม แบ่งเป็น ห้องพัก 30 ตร.ม. (1 ห้องนอน), ห้องพัก 40 ตร.ม. (2 ห้องนอน), ห้องพัก 45 ตร.ม. (2 ห้องนอน) และห้องพัก 51 ตร.ม. (2 ห้องนอน)
2.บ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตร.ม. บนที่ดิน 50 ตร.ว.
คุณสมบัติของผู้ซื้อสิทธิ