วันนี้ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์สำนักงาน กสทช. ได้ส่งหนังสือถึงสื่อมวลชน โดย สำนักงาน กสทช. ได้ออกแถลงการณ์ปกป้องสิทธิส่วนบุคคล คุ้มครองพนักงาน ถูกนำชื่อไปอ้างอิงคดีของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช.ตามที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ว่า ตามที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ลงโทษจำคุก ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งปัจจุบันคดียังไม่สิ้นสุดและยังอยู่ในระยะเวลาของการยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการของกฎหมาย
และ สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ปรากฏต่อมาว่ามีบุคคล/กลุ่มบุคคล ได้ดำเนินการอ้างอิงและเชื่อมโยงคดีดังกล่าวกับพนักงานของสำนักงาน กสทช. ด้วยการอ้างอิงให้ปรากฏทั้งชื่อ นามสกุล ตำแหน่งและรูปถ่ายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งประเด็นที่นำไปเชื่อมโยงมิได้เป็นประเด็นแห่งคดี อีกทั้งพนักงานคนดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องหรือปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาหรือขณะที่เกิดเหตุตามมูลฟ้อง
สำนักงาน กสทช. ขอประณามการกระทำดังกล่าว และ ขอเรียกร้องให้ผู้ที่นำข่าวหรือข้อมูลดังกล่าวออกสู่สาธารณะ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม หยุดการกระทำและดำเนินการลบทำลายข้อมูลที่นำออกเผยแพร่โดยทันที ถึงแม้ว่าจะมีผู้ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามในคำพิพากษาของศาลก็เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องดำเนินการต่อไป
แต่มิใช่เหตุผลที่จะก้าวล่วงหรือละเมิดบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือใช้วาจาที่ยุงยง ส่งเสริมหรือก่อให้เกิดความเกลียดชังต่อบุคคลที่มิได้เกี่ยวข้องด้วยในประเด็นแห่งคดีนั้น
พนักงานของสำนักงาน กสทช. ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ จึงควรได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ที่จะยืนหยัดปกป้องสิทธิของพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ถูกตัดสินจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดโดยปราศจากข้อเท็จจริงและกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคมต่อไป
ก่อนหน้านี้นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต สว. ตั้งคำถาม ว่า "กสทช.มี "สายลับ" นำข้อมูลส่งให้คนนอกหรือไม่?.