เจาะพอร์ต "ประกันสังคม" ซื้อ-ขาย หุ้นบางจาก หลังสะพัดทุนการเมืองจ้องซื้อ

23 ก.พ. 2568 | 15:07 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2568 | 18:06 น.

เจาะลึกพอร์ต 'ประกันสังคม' ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ซื้อ-ขายหุ้น 'บางจาก' หรือ 'BCP' ถี่ยิบ ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดกลุ่มทุนการเมืองส่งนอมินีเข้าซื้อหุ้น พร้อมเจรจาขอซื้อหุ้นจากประกันสังคม หวังแทรกแซงธุรกิจน้ำมัน

ท่ามกลางกระแสข่าวความพยายามเข้าครอบครองหุ้น บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ของกลุ่มทุนการเมือง ผ่านนอมินีที่เป็นกองทุนต่างชาติ พร้อมเจรจาให้กองทุนประกันสังคมขายหุ้นออกมา ทำให้น่าจับตาการเคลื่อนไหวของสำนักงานประกันสังคม ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของบางจาก

'ฐานเศรษฐกิจ' ตรวจสอบข้อมูลรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ (แบบ 246-2) ที่บริษัท บางจาก รายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมถือครองหุ้นบางจากฯ รวม 210,671,697 หุ้น หรือ 15.30%

แบ่งเป็นการถือครองโดยตรง 195,252,597 หุ้น (14.18%) และถือผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด รวม 15,419,100 หุ้น (1.12%)

ที่น่าสังเกตุคือ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบการเคลื่อนไหวซื้อขายบ่อยครั้ง โดยในช่วงกรกฎาคม 2566 มีการซื้อขายถึง 4 ครั้ง เริ่มจากวันที่ 5 ก.ค. ซื้อหุ้น 0.0655% ทำให้ถือครองรวม 15.005%

ต่อมาวันที่ 7 ก.ค. ขายออก 0.0187% เหลือ 14.9862% แต่กลับมาซื้อเพิ่มอีก 0.1067% ในวันที่ 10 ก.ค. ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 15.093% และขายออกอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค. จำนวน 0.078% ทำให้สัดส่วนลดลงเหลือ 14.9711%

ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2566 มีการซื้อขาย 2 ครั้ง โดยวันที่ 2 ส.ค. ซื้อเพิ่ม 0.0392% ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 15.0103% และขายออก 0.2099% ในวันที่ 9 ส.ค. ทำให้สัดส่วนลดลงเหลือ 14.8285%
 

ล่าสุดในปี 2567 มีการเคลื่อนไหว 3 ครั้ง โดยวันที่ 14 มี.ค. ซื้อเพิ่ม 0.0342% ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 15.002% ต่อมาวันที่ 18 มี.ค. ขายออก 0.1106% เหลือ 14.8913% และกลับมาซื้อเพิ่มอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค. จำนวน 0.1418% ทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15.0493%

ที่น่าสนใจคือ ในช่วงปลายปี 2567 มีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาถือครองหุ้นบางจากฯ คือ CAPITAL ASIA INVESTMENTS PTE LTD โดยเริ่มถือครองครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ในสัดส่วน 5.9394% และซื้อเพิ่มอีก 4.0605% ในวันที่ 30 ธ.ค. ทำให้สัดส่วนการถือครองรวมเพิ่มขึ้นเป็น 10%

จากข้อมูลข้างต้นพบว่า การเข้ามาของ CAPITAL ASIA INVESTMENTS PTE LTD ในช่วงปลายปี 2567 มีนัยสำคัญต่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบางจากฯ เนื่องจากใช้เวลาเพียง 10 วัน ในการสะสมหุ้นจาก 5.9394% เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. และเพิ่มสัดส่วนเป็น 10% ในวันที่ 30 ธ.ค. 2567

อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยต่อสาธารณะ มีข้อมูลอัพเดท ณ วันที่ 5 ก.ย. 2567 เท่านั้น

โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก พบว่านอกจากสำนักงานประกันสังคมที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 แล้ว ยังมีกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถือครอง 188,200,000 หุ้น (13.67%) และมีการถือครองผ่าน บลจ.เอ็มเอฟซี และ บลจ.กรุงไทย อีกแห่งละ 42,486,300 หุ้น (3.09%) รวมเป็น 273,172,600 หุ้น (19.85%)

ขณะที่อันดับ 3 คือ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือครอง 162,255,706 หุ้น (11.78%) และอันดับ 4 คือ กระทรวงการคลัง ถือครอง 65,543,767 หุ้น (4.76%)

อันดับ 5 คือ THE BANK OF NEW YORK MELLON ถือครอง 51,075,800 หุ้น คิดเป็น 3.71% อันดับ 6. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ถือครอง 42,486,300 หุ้น คิดเป็น 3.09%

อันดับ 7. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือครอง 42,486,300 หุ้น คิดเป็น 3.09%

อันดับ 8. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED ถือครอง 34,190,498 หุ้น คิดเป็น 2.48%

อันดับ 9 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือครอง 16,347,100 หุ้น คิดเป็น 1.19%

อันดับ 10. STATE STREET EUROPE LIMITED ถือครอง 15,197,436 หุ้น คิดเป็น 1.10%

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)