"ปตท.สผ." กำไรครึ่งปีกว่า 3.11 หมื่นล.-อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท

01 ส.ค. 2565 | 13:26 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ส.ค. 2565 | 20:36 น.

"ปตท.สผ." กำไรครึ่งปีกว่า 3.11 หมื่นล้าน-อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท หลักปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 446,519 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2565 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 4,543 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) (เทียบเท่า 153,528 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 28% เมื่อเทียบกับรายได้รวม 3,546 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 109,658 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2564 

 

โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 446,519 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือ 8% จาก 413,168 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เป็นผลมาจากการรับรู้ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของโครงการโอมาน แปลง 61

 

และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ ปตท.สผ. เข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

จากผลประกอบการดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกที่ 918 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 31,119 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 598 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 18,673 ล้านบาท) โดยมีต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) อยู่ที่ 27.72 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ 76%

 

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 นั้น ปตท.สผ. มีรายได้รวม 2,469 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 84,955 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 600 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 20,600 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 89% เมื่อเทียบกับ 318 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 10,519 ล้านบาท) ของไตรมาส 1 ปีนี้  โดยเป็นผลมาจากปริมาณการขายของโครงการจี 1/61 และราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก

 

"ปตท.สผ." กำไรครึ่งปีกว่า 3.11 หมื่นล้าน

 

หลังจากการที่ ปตท.สผ. ได้เข้าเป็นผู้ดำเนินการในโครงการจี 1/61 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา  บริษัทได้ทำการติดตั้งแท่นหลุมผลิตไปแล้ว 2 แท่น และจะติดตั้งแท่นที่เหลืออีก 6 แท่น ให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 วางท่อใต้ทะเลทั้งหมด 8 เส้น โดยจะเร่งเจาะหลุมผลิตใหม่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซฯ ให้ได้ตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิต รองรับความต้องการใช้พลังงานและเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ 
 

สำหรับความคืบหน้าของโครงการในต่างประเทศ ปตท.สผ. ได้เริ่มผลิตน้ำมันดิบจากโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ แล้วในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายการผลิตที่อัตรา 13,000 บาร์เรลต่อวัน

 
นายมนตรี กล่าวอีกว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565  ปตท.สผ. ได้นำรายได้ส่งให้กับรัฐ ซึ่งอยู่ในรูปภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง โบนัสการผลิต และส่วนแบ่งผลประโยชน์ต่าง ๆ  ประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

 

จากผลประกอบการดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2565 ที่ 4.25 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 16 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 สิงหาคม 2565

 

ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จจากการการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแผนงานที่วางไว้  ในขณะเดียวกัน ปตท.สผ. ยังได้หาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ (Beyond E&P) รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน (Energy Transition) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต 

 

โดยมีความคืบหน้าการดำเนินงานและความร่วมมือในหลายด้าน เช่น CCS และ CCUS ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว รวมทั้ง ได้เริ่มการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่โครงการเอส 1 กำลังการผลิตประมาณ 10 เมกะวัตต์ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสำหรับใช้ในโครงการเอส 1 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตไฟฟ้าได้ในไตรมาส 1 ปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีความคืบหน้าการลงทุนตามแผนงานต่อไป