“ปตท.” รีวิวเป้า Net Zero เดินหน้ารุกไฮโดรเจน-CCS รับอนาคต

21 มี.ค. 2568 | 07:19 น.

บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของไทย อยู่ระหว่างรีวิวเป้าหมาย Carbon Neutrality 2040 และ Net Zero 2050 ใหม่อีกครั้ง

จากการประกาศ ของ นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในระหว่างนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานพลังงานแห่งความยั่งยืนณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

รุกไฮโดรเจน-CCS

นายคงกระพัน ระบุว่า จะเน้นดูภาพรวมทั้งกลุ่มของปตท. ตามบริบทโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะภาษีคาร์บอน จึงต้องดูช่วงเวลาเหมาะสมที่สุด เพราะทุกกระบวนการมีต้นทุน อาจจะช้าหรือเร็วเป็นไปได้หมดซึ่งแผนในระยาวปตท. จะทำเรื่องไฮโดรเจนกับการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage : CCS) โดยการทำธุรกิจก๊าซไฮโดรคาร์บอนนั้น จำเป็นต้องควบคู่ไปกับการลดคาร์บอน เพื่อให้แข่งขันกับโลกที่กำลังมีการเปลี่ยนผ่านพลังงานได้

“ปตท.” รีวิวเป้า Net Zero เดินหน้ารุกไฮโดรเจน-CCS รับอนาคต

“สิ่งที่เหมาะกับประเทศไทยในระยะยาว คือ การนำไฮโดรเจนมาใช้ในเชื้อเพลิง ส่วนการทำ CCS คือการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งทั้งสองโครงการดังกล่าว ปตท. และบริษัทในกลุ่มจะร่วมมือกัน”

สำหรับเชื้อเพลิงไฮโดรเจนนั้น จะเป็นไฮโดรเจนในสเกลใหญ่ คือการนำมาใช้ในอุตสาหกรรม ไม่ได้เกี่ยวกับไฮโดรเจนในรถยนต์ เพราะยังมีความไม่แน่นอน ยังต้องพัฒนาเทคโนโลยีอีกมาก โดยจะเป็นไฮโดรเจนที่มาแทนเชื้อเพลิง เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ซึ่งทุกโมเลกุลของไฮโดรเจนที่จะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง จะลดคาร์บอนได้ทั้งหมด

“ปตท.” รีวิวเป้า Net Zero เดินหน้ารุกไฮโดรเจน-CCS รับอนาคต

อย่างไรก็ดี ไฮโดรเจนในช่วงแรก ประเทศไทยอาจต้องนำเข้าเกือบทั้งหมด และยังมีราคาสูง ซึ่งไฮโดรเจนจะได้มาโดยการใช้ไฟฟ้าในการแยกนํ้า ใช้ต้นทุนสูง ดังนั้นช่วงแรกจึงจะเน้นไปลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง อินเดีย เป็นต้น เนื่องจากเป็นประเทศที่สามารถแยกไฮโดรเจนจากนํ้าด้วยพลังงานที่มีต้นทุนถูก

ปตท. จะไปลงทุนจนถึงจุดหนึ่งที่มีความพร้อม ก็จะนำเข้าไฮโดรเจนในรูปแบบที่เป็นแอมโมเนีย เพราะขนส่งง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางและนโยบายของกระทรวงพลังงานที่กำหนดให้มีสัดส่วนไฮโดรเจนในเชื้อเพลิงของประเทศ 5% ภายในปี 2030

ลดความเสี่ยงธุรกิจ

นายคงกระพัน กล่าวอีกว่า ปี 2568 ปตท. จะเน้นสร้างความมั่นคงและเติบโต โดยลดความเสี่ยงธุรกิจ สร้างเสถียรภาพทางธุรกิจจากการที่โลกมียังมีความวุ่นวาย ผันผวน รวมถึงธุรกิจที่มีอยู่ในช่วงขาลงไม่สมดุลกัน ยืนยันว่าไม่ใช่ว่าปตท. จะไม่ลงทุน แต่การลงทุนจะดูความคุ้มทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ก้าวกระโดด

 “ด้วยปัจจัยทั่วโลกที่เผชิญทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ ปตท.ในฐานะบริษัทพลังงานไทยที่ต้องดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การลงทุนจะต้องใช้เงินอย่างชาญฉลาด หลังจากปีที่ผ่านมา ปตท.มุ่งเน้นปรับกลยุทธ์การลงทุน”

ด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์เล็ก หรือ SMR อยู่ระหว่างศึกษาโดยบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC

จี้ภาครัฐสนับสนุน

นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร ปตท. ระบุว่า โครงการ CCS จะดำเนินการตั้งแต่ซัพพลายเชน โดยการค้นหาเทคโนโลยีที่จะกักเก็บคาร์บอน ซึ่งกลุ่มปตท.มีการปล่อยคาร์บอนประมาณ 50 ล้านตันต่อปี จึงต้องหาเทคโนโลยีในการเก็บคาร์บอน เบื้องต้นมองว่า จะสามารถกักเก็บประมาณ 10 ล้านตันต่อปี ส่วนเชิงพาณิชย์แบบเต็มสเกล จะต้องใช้เวลามาก คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นหลังปี 2578

“ปตท.” รีวิวเป้า Net Zero เดินหน้ารุกไฮโดรเจน-CCS รับอนาคต

อย่างไรก็ตาม บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือปตท.สผ. ได้ศึกษาทำแหล่งแซนด์บ็อกซ์ในแหล่งอาทิตย์ 1 ล้านตันโดยต้นทุนการทำที่แท้จริงยังไม่สามารถระบุได้ อีกทั้งจะต้องรอภาครัฐกำหนดกฎกติกาและกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องบูรณาการร่วมกันอย่างรอบคอบ ปัจจุบันภาครัฐมีคณะทำงาน และอีกส่วนยังมีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมขับเคลื่อน

การลงทุนทั้ง 2 เรื่อง ยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐโดยเฉพาะด้านกฎหมาย การกักเก็บคาร์บอน การกำหนดไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง หากปตท.ลงทุนมั่นใจจะดึงดูดการลงทุนใหม่จากเอกชนที่ต้องการพลังงานสะอาด จีดีพีขยายตัว เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจจะประเมินอีกครั้ง