นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยในงานเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “SMR ทางเลือก หรือ ทางรอด GREEN ENERGY” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) เป็นพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจ โดยหากย้อนไปในอดีตปี 2510 ประเทศไทยมีแผนพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งปี 2519 กฟผ. เริ่มประมูลโรงแรก แต่เกิดการคัดค้านมากมาย เพราะไม่มีการยอมรับ
อีกทั้งขณะนั้นไทยมีก๊าซในอ่าวไทยและถ่านหินแม่เมาะมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจึงลดแผนนิวเคลียร์ลง แต่เมื่อต้องมีโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ 70% จึงมีความเสี่ยงเรื่องการสร้างสมดุลสัดส่วนก๊าซฯ จะเกิดวิกฤติพลังงานและบรรจุแผนอีกครั้งปี 2563-2564 ที่จะมีในไทย
อย่างไรก็ดี ปี 2554 เกิดอุบัติเหตุที่ญี่ปุ่น ในช่วงนั้นนิวเคลียร์ถือว่าทันสมัย มีระบบป้องกันดีมีการสร้างกำแพงกันคลื่นสูงถึง 10 เมตร แต่ด้วยสึนามิคลื่นสูงถึง 14 เมตร ระบบไม่สามารถป้องกันได้ทำให้หลายประเทศทั่วโลกหยุดพัฒนา แต่มี 2 ประเทศ คือจีนและรัสเซียที่ไม่หยุด
นายเทพรัตน์ กล่าวอีกว่า กฟผ.ไม่หยุดศึกษาและพัฒนาจึงมีแนวคิดจะออกแบบโรงไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อมาลดความซ้ำซ้อนของอุปกรณ์เป็นข้อดีที่จะควบคุมคุณภาพการผลิตได้ 100% เมื่อต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์ จะทำให้เชื้อเพลิงขนาดเล็กและประเมินเชื้อเพลิงปริมาณน้ำที่จะใช้รวมถึงเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะสามารถบริหารจัดการปริมาณน้ำและคงามปลอดภัยได้ทันที
นอกจากนี้ หากเทียบพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการอพยพอยู่ที่ 16-17 กิโลเมตร แต่ SMR ใช้พื้นที่ไม่เกิน 1 กิโลเมตร ถือเป็นหัวใจสำคัญของ SMR
ด้านราคาปัจจุบันหากคิดค่าก่อสร้างสูงกว่าโรงไฟฟ้าก๊าซฯที่ 2-3 เท่า แต่โรงไฟฟ้าก๊าซฯ จะมีอายุ 25 ปี ส่วน SMR มีอายุ 60-80 ปี เมื่อคำนวณต้นทุนค่าไฟตลอดอายุใช้งาน จะคุ้มค่ากว่าโรงไฟฟ้าก๊าซฯ
"ปัจจุบันประเทศรอบบ้านเริ่มมีแล้ว ไทยไม่มีจึงต้องเตรียมพร้อม กฟผ. ศึกษา ความเหมาะสมสถานที่ตั้งปี 2510 รวมถึงเตรียมพร้อมบุคคลากร โดยร่วมศึกษา 18 ประเทศ 80 ดีไซน์ มีการส่งทีมไปศึกษา เพื่อเลือกเทคโนโลยีที่ดีที่สุดให้ไทย ด้านเทคนิคและอุปกรณ์ไม่ยาก สิ่งที่ยากคือทำให้คนเข้าใจ ซึ่งได้มีการหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสอนนักเรียนและนักศึกษาเมื่อจบมาจะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของเทคโนโลยี SMR"
ขณะที่เป้าหมายประเทศซึ่งภาคอุตสาหกรรมมีความต้องการใช้ RE100 ตลอด 24 ชั่วโมง จึงต้องเตรียมตัวและอาจต้องเร็วกว่าแผน PDP ซึ่งวันนี้กฟผ.เดินหน้าเตรียมทั้งคนและเทคโนโลยีโดยส่งคนไปร่วมศึกษากับผู้ผลิตบางราย และสุดท้ายจะเลือกว่าเทคโนโลยีอะไรจะเหมาะสมสุดกับประเทศ
นอกจากนี้ ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้าความต้องการด้านพลังงานจะสูงขึ้นและอาจจะควบคุมไม่ได้ จึงต้องออกแบบระบบที่จะเข้ามาเพิ่มอีก 40-50% โดย กฟผ. กำลังดำเนินการเพื่อให้ระบบมีความมั่นคง