ติงมาตรการรัฐ อุ้มราคาข้าว ชาวนาได้ประโยชน์ไม่ทั่วถึง หวั่นสวมสิทธิ์

21 ก.พ. 2568 | 12:16 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2568 | 14:42 น.
645

สมาคมชาวนาฯ ติง มาตรการรัฐอุ้มข้าวนาปรัง ห่วง“สวมสิทธิ์ชาวนา -ล็อกสเปกพันธุ์ข้าว” ส่วนให้สหกรณ์-โรงสี ซื้อชี้นำตลาด 200-300 บาทต่อตัน มีตรวจสอบอย่างไร ทำไมไม่จ่ายเงินตรงส่วนต่าง ชี้ “ประกันรายได้” เกษตรกรได้รับเต็มกว่า

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาเกษตรกรไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด (20 ก.พ. 2568) ได้มีการแจ้งผ่านที่ประชุมว่า ข้อเสนอของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย รวมถึงข้อเสนอของชาวนาที่ยื่นผ่านผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด ไม่ผ่านการพิจารณา

โดยแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากขัดกับมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 และมติของคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าวแห่งชาติ(นบข.) และเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ที่กำหนดว่าในการจัดทำมาตรการ/โครงการ เพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรกร ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร

 

ติงมาตรการรัฐ อุ้มราคาข้าว ชาวนาได้ประโยชน์ไม่ทั่วถึง หวั่นสวมสิทธิ์

 

“ส่วนเรื่องที่ประชุมนำขึ้นมาพิจารณา โดย ฝ่ายเลขาฯเป็นผู้นำเสนอ ในเรื่องของมาตรการที่จะให้สหกรณ์ ดำเนินการรับซื้อ หรือรับฝาก โดยสหกรณ์ได้ 500 บาท/ตัน ชาวนาได้ 1,000 บาท/ตัน ราคาข้าวแห้งที่ 8,500 บาท/ตัน สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยไม่ได้เป็นผู้นำเสนอ และไม่ได้เป็นแนวคิดของสมาคม

สมาคมฯขอยืนยันตรงนี้เพื่อความเข้าใจ เพราะสมาคมฯ และคิดว่าหลายฝ่ายทราบดีถึงขีดความสามารถและจำนวนสหกรณ์ว่าไม่มีกำลังพอ และส่วนที่จะเอาใครมาช่วยรับสมาคมฯไม่แน่ใจ แต่คิดว่าอาจจะมีการนำโรงสีมาเข้าโครงการ และได้ค่าการจัดการ 500 บาท/ตัน และเงินชดเชยดอกเบี้ยอีก 6% ให้โรงสีซื้อนำตลาด  โดยทุกฝ่ายทราบว่าสมาคมฯได้ท้วงติงไปในหลายประเด็น”

โดยสรุปคือ มาตรการที่ออกมาทั้งหมด ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เป็นของสมาคมชาวนาฯ หรือของชาวนาที่ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด  ส่วนเรื่องการจ่ายเงินชดเชยหรือเยียวยาเกษตรกรกรณีไม่เผาตอซังหรือฟางข้าว สมาคมได้นำเสนอต่อที่ประชุมวานนี้ แต่ที่ประชุมแจ้งว่าไม่มีความชำนาญเชี่ยวชาญพอ  จึงขอให้กระทรวงเกษตรนำไปพิจารณาพิจารณาในคณะอนุกรรมการด้านการผลิตต่อไป

นอกจากนี้ นายปราโมทย์ ระบุ ตนยังได้ตั้งประเด็นคำถาม และข้อสังเกตสอบถามในที่ประชุมมีดังนี้

1.พื้นที่นาปรัง 10 ล้านไร่ ผลผลิต 6.5ล้านตัน  แต่โครงการมีเป้าหมายซื้อเพียง 3.8 ล้านตัน คำถามคือ ส่วนที่เหลือจะทำอย่างไร และชาวนาที่เกี่ยวไปแล้วจะทำอย่างไร

2. ราคาที่ตั้งไม่ต่างจากราคาตลาด ที่มีการซื้อขาย ข้าวแห้ง (ความชื้น 15%) ที่ 8,500-8,800 บาทต่อตัน ข้าวสด ความชื้นประมาณ 25% ราคา  7,200-7,500 บาทต่อตัน

3. ต้องใช้หลักฐาน เช่นใบขึ้นทะเบียนเกษตรกร และอื่น ๆ หรือไม่ เพื่อยืนยันสิทธิ์และจำนวนข้าวที่ขายจะป้องกันอย่างไร จะเชื่อได้อย่างไรว่ามีการซื้อขายข้าวจากชาวนาจริง ไม่เป็นการเอาข้าวของผู้ประกอบการมาสวมแล้วใช้สิทธิ์ของชาวนาในการรับส่วนต่าง 1,000 บาทต่อตัน

 

4.ชาวนาที่ขายไปก่อนหน้านี้แล้ว จะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร

5. การขึ้นทะเบียนในฤดูนาปรัง มีจำนวนพื้นที่ และจำนวนชาวนากี่ราย

6. ข้อเท็จจริงที่ในวงการค้าข้าว และชาวนารับรู้กันว่า ณ ปัจจุบัน มีเกษตรกรนำข้าวที่ไม่เป็นพันธุ์ข้าวของไทยมาปลูกจำนวนมากในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ สามารถใช้สิทธิ์ในการขายได้หรือไม่ หรือมีการจำกัดสิทธิ์ และจะขึ้นทะเบียนเกษตรกรอย่างไร พันธุ์ที่เพาะปลูกจริงกับการขึ้นทะเบียนจะตรงกันหรือไม่

ติงมาตรการรัฐ อุ้มราคาข้าว ชาวนาได้ประโยชน์ไม่ทั่วถึง หวั่นสวมสิทธิ์

7.ในการที่ชาวนาเพาะปลูกข้าวในฤดูนาปรังมีหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวหอมปทุมธานี พันธุ์ข้าวกลุ่มข้าว5% กข.79พื้นนุ่ม ข้าวเหนียว จะดูแลแต่ละกลุ่มข้าวอย่างไร ควรจะกำหนดมาตราในคราวเดียวกัน

8. สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้นำเสนอ จ่ายตรงชาวนา 500 บาทต่อไร่ หรือที่ชาวนาที่ออกเรียกร้องเสนอประกันรายได้ เพราะเหตุผลใดจึงไม่นำมาพิจารณา  ทำไมไม่จ่ายตรงให้กับชาวนาเลย ทำไมต้องซื้อข้าวไปเก็บแล้วจ่ายค่าฝากให้ชาวนา 1,000 บาทต่อตัน และจ่ายให้สหกรณ์ และ/หรือโรงสี ที่เข้าร่วม 500 บ/ตัน ทั้งที่เกษตรกรได้รับประโยชน์ไม่ทั่วถึง

9.โครงการชดเชยดอกเบี้ย ให้โรงสีที่เก็บฝาก เดิม ที่ให้ 3% เพิ่มชดเชยอีก 3% รวมเป็น 6% หรือว่าขึ้นโครงการใหม่เป็น 6%โดยรัฐจะต้องใช้วงเงินเพิ่มอีก 500 กว่าล้านบาท ประโยชน์จะถึงชาวนาจริงหรือไม่ และมีคำถามจากในที่ประชุมว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ประกอบการจะซื้อนำตลาด 200 บาทต่อตันจริง

"อย่างไรก็ดีที่ประชุมคณะอนุฯ ด้านการตลาด สรุปว่า เห็นด้วยในหลักการ ส่วนในรายละเอียดต่าง ๆ จะมีการประชุมกรรมการชุดย่อย และนำเสนอ นบข. ซึ่งสมาคมฯเน้นย้ำว่าชาวนาต้องขายข้าวเกี่ยวสด ได้ที่ 8,000บาท/ตัน” นายปราโมทย์ กล่าว