วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้อนรับ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) โดยมีพิธีต้อนรับ และการหารือข้อราชการแบบเต็มคณะ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคม ร่วมกันระหว่าง ไทย-ลาว
สอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล
สำหรับการหารือแบบเต็มคณะนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีนายสอนไซ สีพันดอนในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว โดยเน้นย้ำถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ โดยไทยพร้อมส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ยินดีที่ไทยและ สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด โดยเฉพาะในด้านภาษา วัฒนธรรม และประเพณีที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งการเยือนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้นเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว พร้อมกล่าวแสดงความประทับใจต่อการต้อนรับที่อบอุ่นจากรัฐบาล และหวังว่า ไทยและ สปป.ลาวจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนให้มีการประชุมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาความร่วมมือในทุกด้าน
ด้านยาเสพติด ทั้งสองฝ่ายต่างมองเห็นถึงความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันของหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย-ลาว ที่ได้มีการประชุมและสร้างแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเข้มงวด
นายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอแนวทางเพิ่มเติม เช่น การแลกเปลี่ยนข่าวสารและขยายผลการสืบสวน และการสนับสนุนชุมชนปลอดยาเสพติดด้วยการปลูกพืชทดแทน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะระดับจังหวัด-แขวง
ด้านขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงไทยและสปป.ลาวต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างยิ่งกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กระทบต่อความมั่นคงและประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยไทยชื่นชมความสำเร็จของลาวในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่แขวงบ่อแก้วเมื่อปีที่ผ่านมา
พร้อมเสนอให้มีการป้องกันไม่ให้ทรัพยากรต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศถูกใช้ในทางที่ผิดเพื่อละเมิดกฎหมาย และขอให้ลาวกำหนดหน่วยงานหลัก เพื่อประสานงานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย ด้านนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว พร้อมประสานความร่วมมือกับไทยอย่างต่อเนื่องในการขจัดปัญหาทั้งยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ และความมั่นคงตามชายแดนอื่นๆ ต่อไป
นายกรัฐมนตรี ไทย-สปป.ลาว หารือข้อราชการแบบเต็มคณะ
ด้านหมอกควันข้ามแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ชื่นชมความร่วมมือไทย-ลาว ที่ได้เกิดผลเป็นรูปธรรม และขอบคุณฝ่ายไทยในการสนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีในการตรวจสอบจุดความร้อน ส่งผลให้จุดความร้อนลดลงและหมอกควันความร้อนลดลง
ทั้งนี้ ไทยได้เสนอแนวทางขยายความร่วมมือเพิ่มเติม เช่น การจัดตั้งห้องปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างกันเพื่อการแจ้งเตือนล่วงหน้า รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีจาก GISTDA ของไทยในการสนับสนุนการตรวจวัดคุณภาพอากาศ
การค้าชายแดน ผู้นำทั้งสองประเทศได้แสดงความยินดีกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างกัน โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ไทยและ สปป.ลาว ขอให้มีการขยายเป้าหมายการค้า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.6 แสนล้านบาท ออกไปจนถึงปี 2027 โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณ สปป.ลาว ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้าเกษตรผ่านแดน โดยเฉพาะผลไม้ ซึ่งทำให้การขนส่งราบรื่นและรวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ยังเห็นพ้องให้มีการพัฒนาความร่วมมือในด้านการค้าชายแดนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลดการเผาในอุตสาหกรรมเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในทั้งสองประเทศ
นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ด้านโลจิสติกส์และความเชื่อมโยง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาวมองว่าการพัฒนาโลจิสติกส์และความเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว โดยเฉพาะในด้านการคมนาคมทั้งทางบกและราง จะช่วยส่งเสริมบทบาทของทั้งสองประเทศ และยินดีกับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ซึ่งจะมีการเชื่อมกึ่งกลางสะพานเร็ว ๆ นี้ และจะมีพิธีเปิดในช่วงปลายปีนี้
ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างไทย-ลาว-จีน ในอนาคต รวมทั้งการสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ที่หนองคาย-เวียงจันทน์ เพื่อรองรับการขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย
ความสัมพันธ์ระดับประชาชน นายกรัฐมนตรียินดีในการร่วมเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว พร้อมสนับสนุนการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองกว่า 20 โครงการตลอดปี โดยไฮไลต์สำคัญคือการมอบทุนการศึกษา 75 ทุนให้แก่ สปป.ลาว เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเยาวชน พร้อมกล่าวขอให้นายกรัฐมนตรี สปป. ลาวช่วยดูแลนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวไทยด้วย
ความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ สปป.ลาว ในการทำหน้าที่ประธานอาเซียนเมื่อปีที่แล้ว และสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน นอกจากนี้ ยังเชิญนายกรัฐมนตรีลาวเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Summit) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในปลายปีนี้
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่จะได้ร่วมเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาวครบ 75 ปี ร่วมกับนายกรัฐตรีหลังจากนี้ รวมถึงขอบคุณรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเยาวชน ให้แก่ สปป. ลาว
นอกจากนี้ ยังยินดีที่มีนักธุรกิจไทยและนักท่องเที่ยวไทยมีการลงทุนและเดินทางในประเทศลาวจำนวนมาก โดยสปป. ลาว พร้อมยินดีดูแลนักคนไทยและนักลงทุนไทยพร้อมหวังว่าไทยจะดูแลนักท่องเที่ยวลาว รวมถึงแรงงานลาวในไทยเช่นกัน
ต่อมา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวร่วมโดยกล่าวว่า ในนามรัฐบาลและประชาชนไทย ยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว และคณะ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่ง สปป. ลาว เป็นประเทศแรกที่นายกรัฐมนตรีได้เยือนอย่างเป็นทางการภายหลังเข้ารับตำแหน่ง
พร้อมทั้งเป็นการเริ่มต้นการฉลองครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ในปีนี้ด้วย ซึ่งต่างเห็นพ้องที่จะเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือไทย – ลาว ให้เจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน และส่งเสริมความกินดี อยู่ดี ของประชาชนใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
ประการแรก
เสริมสร้างให้พื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศมีความมั่นคง โดยด้านยาเสพติด เห็นพ้องที่จะเพิ่มความเข้มข้นของความร่วมมือ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของทั้งสองประเทศ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข่าวสารและขยายผลการสืบสวนสอบสวนของชุดปฏิบัติการและคณะทำงานร่วม และส่งเสริมความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและระดับหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องการสนับสนุนการพัฒนาทางเลือกเพื่อปลูกพืชทดแทนยาเสพติด ซึ่งไทยได้เริ่มดำเนินการแล้วที่แขวงหัวพันและแขวงบ่อแก้ว
ด้านปัญหาแก็งคอลเซ็นเตอร์ ไทยและ สปป. ลาว ต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยถือเป็นปัญหาร่วมกันในภูมิภาค ซึ่งไทยได้เสนอให้ใช้ประโยชน์จากกรอบแม่โขง-ล้านช้าง ที่ไทยเป็นประธานในปีนี้ เพื่อผลักดันความร่วมมืออย่างจริงจังในภูมิภาค
พร้อมชื่นชมรัฐบาล สปป. ลาว ที่ได้ดำเนินการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุน สปป. ลาว ในการขยายผลการปราบปรามและการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับผู้อยู่เบื้องหลัง ผ่านศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของไทย
ด้านหมอกควันข้ามแดน จะผลักดันให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดตั้งห้องปฏิบัติการเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเพิ่มเติม และการขยายผลโครงการนำร่องการจัดทำแนวกันไฟลดการเผาคู่ขนานในพื้นที่สองประเทศ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยเสนอเชื่อมโยงฐานข้อมูล (database) และระบบเตือนภัยล่วงหน้า (early warning) ของ สปป. ลาว เข้ากับระบบของ GISTDA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาด้วย
ด้านการแก้ไขปัญหาอุทกภัย นายกรัฐมนตรียินดีที่ระบบโทรมาตรที่ไทยสนับสนุนการติดตั้ง มีส่วนช่วยการแจ้งเตือนระดับน้ำใน สปป. ลาว โดยไทยพร้อมสนับสนุนการติดตั้งระบบโทรมาตรใน สปป. ลาว เพิ่มเติม โดยเฉพาะในลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง และการเชื่อมโยงเครือข่ายโทรมาตรต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบแจ้งเตือนและการบริหารจัดการน้ำ
ประการที่สอง
สร้างการเจริญเติบโตและความมั่งคั่งร่วมกัน โดยด้านการค้า เห็นพ้องที่จะบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.6 แสนล้านบาท ภายในปี 2570 โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ที่ได้ช่วยติดตามและอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าเกษตรของไทยผ่านแดนไปจีน
ทั้งการเพิ่มจำนวนขบวนรถไฟขนส่งผลไม้และการเพิ่มช่องตรวจปล่อยสินค้าบริเวณจุดผ่านแดนลาว-จีน นอกจากนี้ จะร่วมมือกันในการลดการเผาในอุตสาหกรรมการเกษตรของสองประเทศด้วย
ด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ หลายโครงการมีความคืบหน้า ทั้งการเสริมกำลังสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 ที่จะพร้อมเปิดใช้งานในปลายปีนี้
รวมทั้งเห็นพ้องที่จะร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และพร้อมสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ให้มีความก้าวหน้า ได้แก่ โครงการก่อสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ที่จังหวัดหนองคาย โครงการเชื่อมต่อรถไฟไทย-ลาว กับระบบรถไฟลาว-จีน และการเชื่อมต่อระบบรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กับระบบรถไฟลาว-จีน
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้มี joint venture ระหว่างภาคเอกชนไทย-ลาว เพื่อบริหารจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยบ่ายวันนี้ จะมีกิจกรรม Thai-Lao Business Forum ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ภาคเอกชนไทย-ลาว ได้พูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้
ประการที่สาม
สร้างเสริมสายสัมพันธ์พิเศษระดับประชาชน ไทยและ สปป. ลาว มีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนาน และประชาชนสองฝั่งก็มีความผูกพันเป็นดั่งเครือญาติ ซึ่งในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ทั้งสองฝ่ายจะจัดกิจกรรมเพื่อฉลองวาระพิเศษนี้ตลอดทั้งปี โดยไทยพร้อมมอบทุนการศึกษาจำนวนกว่า 75 ทุน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันยาวนาน และช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเยาวชนของ สปป. ลาว
ทั้งนี้ ยังพร้อมสนับสนุน สปป. ลาว อย่างต่อเนื่องต่อไปทั้งในด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์และการสนับสนุนเซรุ่มแก้พิษงู และด้านการเกษตร ผ่านโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนลาว
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับ สปป. ลาว อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและกรอบอาเซียนเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์และแก้ไขปัญหาที่ภูมิภาคเผชิญร่วมกันต่อไป
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยและ สปป. ลาว เป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นและมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ ซึ่งในวาระพิเศษที่ทั้งสองประเทศกำลังฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี ของความสัมพันธ์ฯ นายกรัฐมนตรียินดีและมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ในการส่งเสริมให้ประชาชนไทย-ลาว มีความกินดี อยู่ดี และมีสุข รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็น “สายพัวพันที่ยั่งยืน” ในอีก 75 ปีข้างหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ทั้งสองประเทศ ยังเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามและการแลกเปลี่ยนความตกลงร่วมกัน จำนวน 4 ฉบับ ดังนี้
ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้ร่วมเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ลาว ครบ 75 ปี (75th Anniversary Thailand-Laos Diplomatic Relations) โดยออกแบบในโทนสีเหลืองทอง ด้านบนเป็นรูปจั่วทรงไทย-ลาว 2 ชั้น ประกอบด้วยวัดพระธาตุศรีสองรักและวัดพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ โดยมีตัวเลข 75 อยู่ตรงกลางพร้อมด้วยดอกราชพฤกษ์ไทยและดอกจำปาลาว ล้อมรอบด้วยธงชาติของทั้งสองประเทศที่จัดวางเป็นรูปหัวใจ