"เงินดิจิทัลวอลเล็ต" ปั๊มศก. ไม่ถึง 3% สศช.แนะออกแพ็คเกจกระตุ้นลงทุน

17 ก.พ. 2568 | 12:00 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2568 | 12:05 น.
2.0 k

เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังไม่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยปี 2568 โตไม่ถึงเป้าหมายรัฐบาล 3% หลังมีความเสี่ยงสงครามการค้า สศช. แนะเร่งออกแพ็คเกจกระตุ้นการลงทุน ควบคู่ส่งออก และการบริโภค ชุดใหญ่

วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2568) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในการแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่สี่ของปี 2567 ทั้งปี 2567 และแนวโน้มปี 2568 ว่า สศช.ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวอยู่ที่ 2.3-3.3% หรือค่ากลาง 2.8% ซึ่งตัวเลขนี้ได้รวมการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแล้ว

 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

 

"การประมาณการเศรษฐกิจขยายตัว 2.8% ครั้งนี้ สศช.ดูความเสี่ยงจากการค้าโลกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังด้วย"

ส่วนเป้าหมายการผลักดันเศรษฐกิจไทย ให้ขยายตัวได้ 3-3.5% นั้น นายดนุชา ระบุว่า เป็นเป้าหมายที่จำเป็นต้องใช้มาตรการอื่น ๆ มาเสริมมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการด้านการลงทุน การกระตุ้นการบริโภค และการส่งออก แต่ที่น่าจะต้องเร่งดำเนินการคือมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน 

อย่างไรก็ตาม สศช. มองว่า ในช่วงต่อจากนี้จำเป็นต้องจัดทำแพ็คเกจกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติมออกมา เช่น การบริหารจัดการน้ำ เพื่อช่วยสร้างปัจจัยการผลิตระยะยาวให้กับชุมชน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดเล็ก วงเงินไม่เกิน 5-10 ล้านบาท ซึ่งอาจแบ่งวงเงินส่วนหนึ่งที่อยู่ในงบกลางรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท มาดำเนินการในเรื่องนี้ด้วย

สำหรับการขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชนนั้น สศช. เห็นว่า มาตรการของทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ดำเนินการอยู่จะช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีในการก่อสร้าง แต่ในระยะเริ่มต้นคงต้องหามาตรการบางอย่างลงไปกระตุ้นให้เกิดการลงทุนควบคู่กันไป

ขณะที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความจำเป็นหรือไม่ เลขาธิการ สศช. ยอมรับว่า คงต้องพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการออกมาตรการ โดยรัฐบาลควรต้องบริหารจัดการงบประมาณให้เกิดความเหมาะสม และยืนยันว่าต้องเน้นการออกมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน โดยใช้เงินที่มีอยู่ไปดำเนินการ เพื่อช่วยให้มีเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ รองรับผลกระทบจากสถานการณ์สงครามการค้าที่จะเกิดขึ้นต่อไปด้วย

“มาตรการที่จะออกคงไม่ได้มีเรื่องลงทุนอย่างเดียว แต่จะมีเรื่องอื่นด้วย ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาด็ว่าจะมีอะไรออกมาช่วยลดผลกระทบในช่วงครึ่งปีหลังนี้” เลขาฯ สศช. ระบุ

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นั้น สศช. ประเมินแนวโน้มว่า จะขยายตัวในช่วง 2.3 - 3.3% (ค่ากลางการประมาณการ 2.8%) โดยคาดว่าการอุปโภคบริโภค จะขยายตัว 3.3% และการลงทุนภาคเอกชน จะขยายตัว 3.2% มูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3.5% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.5 - 1.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.5% ของ GDP