นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้เชิญทูตพาณิชย์มาหารือเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งได้มอบหมายให้นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้แทนในการหารือ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจถึงความจำเป็นที่กระทรวงพาณิชย์ต้องกำหนดมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลอดการเผา เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ข้ามพรมแดน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหา PM 2.5 ในประเทศไทย
นางอารดาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะหน่วยงานที่ออกกฎระเบียบทางการค้า ได้กำหนดมาตรการโดยคำนึงถึงการร่วมแก้ไขปัญหา PM 2.5 เพื่อปกป้องสวัสดิภาพทางสุขอนามัยทางอากาศของประชาชนไทยเป็นสิ่งสำคัญ
ขณะเดียวกันต้องมีความสมดุลในการกำหนดมาตรการนำเข้าเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนตลอดห่วงโซ่การใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 4 ประเทศ ที่ต้องร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
โดยเน้นย้ำว่ามาตรการที่จะกำหนดนั้นเป็นมาตรการที่ใช้กับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากทุกประเทศ แต่ใช้กับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นกลุ่มแรก เพื่อให้เป็นไปตามหลักการขององค์การการค้าโลก (WTO) และความตกลงการเสรีต่าง ๆ ที่ไทยร่วมเป็นภาคีสมาชิก
ทั้งนี้ ได้ชี้แจงหลักการของการควบคุมที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะต้องจัดเตรียม อาทิ
นางอารดาฯ กล่าวว่า ทูตพาณิชย์ทั้ง 3 ชาติ มีความเข้าใจต่อความสำคัญของปัญหา PM 2.5 ที่ประเทศในอาเซียนจะต้องร่วมกันแก้ไข และร่วมให้ข้อคิดเห็นว่ามาตรการที่ออกควรต้องมีการหารือร่วมกัน ตลอดจนควรจะต้องให้มีระยะเวลาในการเตรียมตัว (Transitional Period) สำหรับประเทศผู้ส่งออก และพิจารณาถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบด้วย
นอกจากนี้ ควรนำมาตรการนี้หารือในกรอบอาเซียน เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญของทั้งภูมิภาค สินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญในห่วงโซ่การผลิตอาหารสัตว์ โดยเฉพาะไก่ ซึ่งเป็นอาหารสำคัญสำหรับการบริโภคภายในประเทศ และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย
ทั้งนี้ ไทยมีผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการเพาะปลูกในประเทศประมาณปีละ 4 - 5 ล้านตัน แต่มีความต้องการใช้ประมาณปีละ 9 ล้านตัน จึงต้องมีการนำเข้าประมาณ 4 – 5 ล้านตันต่อปี โดยแหล่งนำเข้าสำคัญในปี 2567 ได้แก่