สรรพสามิตเก็บ “ภาษีคาร์บอน” ก.พ.นี้ ยันไม่กระทบราคาขายปลีกน้ำมัน

03 ก.พ. 2568 | 16:54 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ก.พ. 2568 | 16:58 น.
1.3 k

สรรพสามิตเตรียมเก็บ “ภาษีคาร์บอน” ครั้งแรกเดือนก.พ.นี้ ยันไม่กระทบราคาขายปลีกน้ำมัน ระยะสั้น-ยาว ประชาชนไม่เดือดร้อน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต เตรียมจัดเก็บภาษีคาร์บอน จากราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดเริ่มครั้งแรกภายในเดือนก.พ.นี้ หลังจาก ที่ผ่านมา ครม. ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกฤษฎีกา ซึ่งจะประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือนนี้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

โดยยืนยันการเก็บภาษีคาร์บอนจะไม่กระทบราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด  ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะจะคิดรวมอยู่ในภาษีสรรพสามิตเดิมอยู่แล้ว 

สำหรับการเก็บภาษีคาร์บอนจะจัดเก็บ 200 บาทต่อตันคาร์บอนฯ เพื่อต้องการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยคาร์บอน  ซึ่งการเก็บภาษีคาร์บอนนี้จะคำนวณจากอัตรการปล่อยก๊าซคาร์บอนของน้ำมันแต่ละชนิด ซึ่งจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไม่เท่ากัน หากปล่อยมากก็จะเก็บมาก ปล่อยน้อยก็จะเก็บน้อย  

รายงานข่าวแจ้งว่า ค่าเฉลี่ยเก็บภาษีคาร์บอนจะอยู่ที่ 45-62 บาทต่อลิต ยกตัวอย่าง น้ำมันดีเซลบี 5 เดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร แต่เมื่อมีการเรียกเก็บภาษีคาร์บอน ภาพรวมของภาษีจะเสีย 5.99 บาทเท่าเดิม แต่จะมีการแบ่งสัดส่วนการเก็บไปเป็นภาษีคาร์บอน 0.52 บาทต่อลิต และลดภาษีสรรพสามิต 4.47 บาทต่อลิตา 

ส่วนน้ำมันกลุ่มเบนซิน จะคิดภาษีคาร์บอนที่ 45 สตางค์ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์อี 20 จะคิดภาษีคาร์บอน 36 สตางค์ต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลบี10 คิดอัตราภาษี 49 สตางค์ต่อลิตร แอลพีจี คิด 64 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งอัตราเหล่านี้ไม่ได้เก็บเพิ่มจากเดิม แต่จะมีการเฉือนภาษีสรรพสามิตลง เพื่อนำมาเก็บคาร์บอนเครดิตแทน