คลังเปิดฟังความเห็น ร่างพ.ร.บ. "สถานบันเทิงครบวงจร" อีกรอบ ถึง 14 ก.พ.

31 ม.ค. 2568 | 17:05 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2568 | 17:10 น.

กระทรวงการคลัง เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ครั้งที่สอง 15 วัน ไปจนถึงวันที่ 14 ก.พ.2568 หลังจากครม.เห็นชอบหลักการของกฎหมายแล้ว ก่อนส่งกฤษฎีกา

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า วันนี้ (31 มกราคม 2568) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (Entertainment Complex) เป็นครั้งที่ 2 ภายหลังกฎหมายฉบับนี้ ได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะพิจารณารายละเอียดและเสนอเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภาต่อไป

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ฉบับที่นำมาเปิดรับฟังความคิดเห็นนี้ ยังมีเนื้อหาเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุมครม. และยังไม่ได้มีการปรับแก้ไขรายละเอียด ซึ่งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นก่อน แล้วจจึงเข้าสุ๋ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา หากปรับแก้ไขก็อาจจะนำมาเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ครั้งนี้ มีการจัดทำแบบสำรวจรวม 13 หัวข้อ ตามเนื้อหาของข้อกฎหมายทั้งหมด  9 หมวด 65 มาตรา  โดยมีระยะเวลาเปิดรับฟังความคิดเห็น 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม - 14 กุมภาพันธ์ 2568 จากนั้นจึงรวบรวมข้อคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ นำไปสรุปและเผยแพร่อีกครั้ง

สำหรับ ร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่นำมาเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ประกอบด้วย 9 หมวด 65 มาตรา โดยกำหนดให้ “สถานบันเทิงครบวงจร” หมายความว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้หลายประเภทรวมกัน ร่วมกับกาสิโน และกำหนดให้ “กาสิโน” หมายความว่า การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะ

 

ภาพประกอบข่าว ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (Entertainment Complex)

 

หมวด 1 คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (มาตรา 6 – 14) 

กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (คณะกรรมการนโยบายฯ) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธาน มีกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 6 คน และมีเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ 

โดยให้คณะกรรมการนโยบายฯ มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดนโยบายของสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการ การป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบ จำนวนใบอนุญาตและพื้นที่การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขออนุญาตและเลิกประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ประเภทกิจการที่อาจดำเนินการได้ในสถานบันเทิงครบวงจร 

สัดส่วนพื้นที่กาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร เวลาเปิดปิดและสถานที่ตั้งของสถานบริการ วิธีการลงทะเบียนและอัตราค่าธรรมเนียมเข้าสถานประกอบการกาสิโน การให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในกาสิโน ลักษณะพนักงาน หลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยพนักงาน หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับผู้ถือหุ้น 

รวมไปถึงมีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาให้ ต่ออายุ หรือเพิกถอนใบอนุญาต การโอนสิทธิตามใบอนุญาต การแต่งตั้งหรือให้เลขาธิการออก การกำกับการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร ตลอดจนการออกข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ

หมวด 2 คณะกรรมการบริหาร (มาตรา 15 – 19)

กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหาร ซึ่งมีบุคคลซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธาน มีกรรมการ โดยตำแหน่ง 11 คน มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 3 คน และเลขาธิการเป็นเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการขอรับใบแทนใบอนุญาต 

พิจารณาอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ แผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายเงินและงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร (สำนักงานฯ) กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ กำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และค่าตอบแทนของเลขาธิการและพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานฯ พิจารณาอุทธรณ์เรื่องร้องเรียน พิจารณาคำอุทธรณ์หรือคำร้องทุกข์ คัดเลือกหรือประเมินความรู้ความสามารถของเลขาธิการ 

แต่งตั้งบุคคลเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการมอบอำนาจของเลขานุการ ข้อบังคับหรือระเบียบของสำนักงานฯ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้เงิน ทุน หรือทรัพย์สิน รวมถึงค่าใช้จ่ายของสำนักงานฯ ตลอดจนการออกข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ

 

ภาพประกอบข่าวEntertainment Complex

 

หมวด 3 สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร (มาตรา 20 – 28)

กำหนดให้มีสำนักงานฯ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ โดยให้มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ปฏิบัติงานธุรการให้แก่คณะกรรมการนโยบายฯ และคณะกรรมการบริหาร และมีหน้าที่และอำนาจในการศึกษา รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานบันเทิงครบวงจร จัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายเงินและงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานฯ 

สนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานบันเทิงครบวงจร กำกับ ตรวจสอบ ควบคุม และติดตามสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดหลักเกณฑ์ ประเภท ลักษณะ วิธีการเล่น ลักษณะของบุคคลต้องห้าม รับเรื่องร้องเรียน 

เสนอแนะข้อมูลและความเห็นต่อคณะกรรมการนโยบายฯ เสนอแนะหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้จ่ายเงิน ทุน หรือทรัพย์สินของสำนักงานฯ ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนการออกข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ รวมไปถึงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน หรือค่าบริการในการดำเนินการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ ให้สำนักงานฯ มีทุนและทรัพย์สินประกอบด้วยเงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ เงินอุดหนุนจากหน่วยงานของรัฐ ค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาต ใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต และการเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้อันเกิดจากการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของสำนักงานฯ ค่าปรับ และดอกผลของเงินหรือรายได้ ของสำนักงานฯ และให้นำส่งรายได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการเป็นรายได้แผ่นดิน

หมวด 4 เลขาธิการ (มาตรา 29 – 37)

กำหนดให้สำนักงานฯ มีเลขาธิการ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายฯ แต่งตั้งโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารกิจการของสำนักงานฯ โดยให้มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ และมีหน้าที่และอำนาจในการบริหารงานของสำนักงานฯ

วางระเบียบการดำเนินงานของสำนักงานฯ เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานฯ รวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติงาน บรรจุ แต่งตั้ง เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัยพนักงานและลูกจ้าง

 

ภาพประกอบข่าว ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (Entertainment Complex)

 

หมวด 5 พนักงานเจ้าหน้าที่ (มาตรา 38 – 40)

กำหนดให้สำนักงานฯ แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยให้มีหน้าที่และอำนาจในการเข้าไปในสถานที่ดำเนินการหรือสถานที่ตั้งของผู้รับใบอนุญาตเพื่อสังเกตการณ์หรือตรวจสอบการดำเนินการ เรียกเอกสารหรือหลักฐาน เพื่อตรวจสอบการดำเนินการ ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสาร หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพื่อประโยชน์ในการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือการดำเนินคดี รับและตรวจสอบเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาท 

สั่งให้หยุดการเล่นหรือการเข้าพนันใด ๆ ในสถานประกอบการกาสิโนที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายนี้ ตรวจสอบหรือทดสอบเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน สั่งให้บุคคลซึ่งอยู่ในสถานประกอบการกาสิโนแจ้งชื่อหรือข้อมูลอื่นใดเมื่อมีเหตุอันควรสงสัย ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับการเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย รายงานผลการดำเนินงานของผู้รับใบอนุญาตต่อเลขาธิการ

หมวด 6 การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร (มาตรา 41 – 50)

กำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนด โดยต้องประกอบไปด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายกฎหมายนี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย ที่มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทและให้บริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับใบอนุญาตได้รับยกเว้นจากกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 

รวมทั้งมิให้นำความในมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และมาตรา 1105 วรรคสามแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับ นอกจากนี้ ให้ผู้ขอรับใบอนุญาตต้องยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่สำนักงานฯ 

โดยสำนักงานฯ มีอำนาจเรียกค่าธรรมเนียม ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย หรือค่าอื่นใด ที่กฎหมาย ข้อบัญญัติ หรือเทศบัญญัติว่าด้วยการนั้นกำหนด และส่งให้แก่หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจเรียกนั้น และให้ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปีนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต โดยผู้รับใบอนุญาตจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมรายปีตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด แต่ต้องไม่เกินอัตราตามบัญชีแนบท้ายกฎหมายนี้ โดยให้มีการประเมินประสิทธิภาพของการดำเนินงานทุก 5 ปี และอาจพิจารณาต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี

ทั้งนี้ เมื่อได้รับใบอนุญาต ผู้รับใบอนุญาตต้องเริ่มประกอบสถานบันเทิงครบวงจรด้วยตนเองภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในรูปแบบและแผนการประกอบการสถานบันเทิงครบวงจร และต้องจัดให้มีระบบ การควบคุมกาสิโนที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม ซึ่งหากไม่ดำเนินการตามรูปแบบและแผนที่วางไว้ คณะกรรมการนโยบายฯ อาจพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตได้

 

ภาพประกอบข่าว ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)

 

หมวด 7 การควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (มาตรา 51 – 59)

กำหนดให้การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในสถานบันเทิงครบวงจร จะกระทำได้เฉพาะตามบัญชีแนบท้ายกฎหมายนี้ โดยกิจกรรมใดของสถานบันเทิงในสถานบันเทิงครบวงจรที่อยู่ภายใต้บทบัญญัติหรือการกำกับดูแลตามกฎหมายอื่น ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และหนี้ที่เกิดจากการจัดให้มีการเข้าเล่นหรือเข้าพนันให้เป็นหนี้ที่บังคับได้โดยชอบด้วยกฎหมาย 

ทั้งนี้ ในส่วนของกาสิโนให้กระทำได้เฉพาะในสถานบันเทิงครบวงจรโดยผู้รับใบอนุญาต และเฉพาะประเภทที่กำหนด และห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเข้าเล่นหรือเข้าพนันผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้บุคคลภายนอกสถานประกอบการกาสิโนเข้าเล่นหรือเข้าพนันได้ 

รวมถึงต้องจัดให้มีเขตบริเวณของสถานประกอบการกาสิโนที่ชัดเจน และห้ามบุคคลที่อายุน้อยกว่า 20 ปี บุคคลที่ถูกสั่งห้ามเข้า ผู้มีสัญชาติไทยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโน 

นอกจากนี้ กาสิโนต้องมีสัดส่วนของพนักงานคนไทยและต่างด้าวตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด โดยห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เกี่ยวกับกาสิโน หรือให้ผู้ใดดำเนินการดังกล่าว และในกรณีผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ ต้องชำระค่าปรับและอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้

หมวด 8 บทกำหนดลงโทษ (มาตรา 60 – 62)

กรณีผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามที่ความกฎหมายกำหนด ให้ดำเนินการแก้ไขตามคำสั่งสำนักงานฯ ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการตามระยะเวลาผู้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าปรับ และคณะกรรมการนโยบายฯ อาจพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตได้ 

หมวด 9 บทเฉพาะกาล (มาตรา 63 – 65)

ในวาระเริ่มแรกกำหนดให้มีข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นเลขานุการทำหน้าที่คณะกรรมการนโยบายฯ และคณะกรรมการบริหารตามกฎหมายนี้ไปพลางก่อน โดยให้รัฐบาลพิจารณาจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนให้แก่สำนักงานฯ ไปพลางก่อน