คลังคลอดปีนี้ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้าน ดันรถไฟฟ้า 20 บาท

30 ม.ค. 2568 | 17:24 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2568 | 17:27 น.

คลังเตรียมออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้านบาท ภายในปี 68 ดันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ชี้ผลตอบแทน 8 ปีแรกอาจติดลบ ระยะยาวมีกำไร

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) นั้น คาดว่าจะดำเนินการเสร็จทันภายในปี 2568 นี้ โดยจะนำมาใช้เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาททุกสายของรัฐบาล

ทั้งนี้ ขนาดของกองทุนฯ จะมีประมาณ 300,000 ล้านบาท เพื่อใช้เข้ามาลงทุน โดยเบื้องต้นเงินของกองทุนฯ จะเข้าไปซื้อเฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่เอกชนลงทุน  เช่น ตัวรถไฟฟ้า ค่าบริหารจัดการ ค่าเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง แต่จะไม่รวมค่าราง หรือระบบโครงสร้างพื้นที่มาจากการลงทุนของภาครัฐ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“การทำกองทุนฯ นี้อาจต้องใช้เวลาหน่อย เพราะไม่ใช่การขายขนมครก แต่หลักการของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ จะต้องดูว่านำไปใช้ลงทุนสินทรัพย์อะไร มีราคา มีรายได้เท่าไร และมีเงินหมุนเวียนแค่ไหน ซึ่งในส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ก็จะเข้าไปใช้เฉพาะที่เอกชนลงทุน ซึ่งมั่นใจว่าจะเลี้ยงตัวเองได้”

ทั้งนี้ กองทุนจะให้ผลตอบแทนที่มีกำไรในระยะยาว เพราะในอนาคตมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นก็ทำให้รายได้เพิ่มเข้ามา อีกทั้งกองทุนนี้มีระยะเวลายาว 30 ปี ยกตัวอย่าง เช่น ในช่วง 8 ปีแรก กองทุนอาจจะติดลบ แต่หลังจากนั้นอาจเป็นบวก  เมื่อมาเฉลี่ยทั้ง 30 ปีก็จะมีกำไรอยู่ จึงมั่นใจกองทุนจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะตอนนี้มีเงิน สภาพคล่องล้นโลก

นอกจากนี้ ยังได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ 52 แห่ง กว่า 500 คน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนขนาดใหญ่จากเอกชนในอนาคต

สำหรับรัฐวิสาหกิจถือเป็นกำลังสำคัญ มีสินทรัพย์กว่า 16 ล้านล้านบาท และดูแลโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟฟ้าซึ่งมีเพียงพอ โดยจะต้องทำยุทธศาสตร์ขององค์กร ให้รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้องค์กรมีความยั่งยืนตามข้อแนะนำของ OECD

ด้านการทำรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ยอมรับว่ายังต่ำอยู่ เพราะรัฐวิสาหกิจที่สินทรัพย์ 16 ล้านล้านบาท หนี้สิน 10 ล้านล้านบาท แต่เพิ่งมีกำไร 3.7 แสนล้านบาทต่อปียังถือว่าไม่เยอะ เพราะคิดเป็นกำไร 2% กว่าเท่านั้น เมื่อเทียบกับเอกชนที่ควรจะมีกำไรถึง 6% ขึ้นไป

“ในความเป็นจริงก็คงให้ทุกหน่วยงานมุ่ง