นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการร่างกฎหมายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพิ่มอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการเป็นพนักงานสอบสวน โดยทำสำนวนเองและส่งอัยการ ซึ่งจะลดขั้นตอนการดำเนินการและให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ทันการณ์ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติภายในเดือนก.พ.นี้
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ภาครัฐจึง ต้องการ แก้ไขกระบวนการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้รวดเร็ว และจริงจังมากยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสียหาย ด้วยวิธีการเพิ่มอำนาจกฎหมาย ให้กับก.ล.ต.
“ตอนนี้ร่างกฎหมายดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติม ของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดย ก.ล.ต.จะทำสำนวนเอง แต่การส่งฟ้องยังคงต้องส่งให้อัยการตามเดิม ซึ่งก็จะลดขั้นตอนการสอบสวน เพราะ ก.ล.ต. จะสอบสวน และเตรียมดำเนินคดีเอง ส่งผลให้การดำเนินคดี จะไปสู่ขั้นตอนในชั้นศาลได้ไวขึ้นด้วย”
นายพิชัย กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายนี้ เชื่อว่าจะสามารถทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน กลับมาได้อย่างแน่นอน แต่มากน้อยเพียงใดต้องรอหลังการบังคับใช้กฎหมาย และอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. จำเป็นที่จะต้องยกระดับความรับผิดชอบในเชิงสำนักงานโดยจะต้องมีความเข้มงวด ในการตรวจสอบบัญชีควบคุมและกำกับ รวมถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับใช้ Digital Asset เพื่อให้เกิดการคุ้มครองทรัพย์สินของนักลงทุนที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ จะนำไปสู่การดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากขึ้น