นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า 3 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)
จะมีการหารือเรื่องนโยบายการเงิน รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจทุกเดือน เพื่อวางแนวทางนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ จะมีการนัดประชุมครั้งแรก ในเดือนก.พ.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจร่วมกัน
"การหารือระหว่างคลัง ธปท. และสภาพัฒน์ ประจำทุกเดือนนี้ เพื่อร่วมกันติดตามสถานการณ์ และวางแนวทางนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ อย่างเข้มข้นมากขึ้น จากที่ปกติก็มีการพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว"
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.5%–3.5%) โดยมี 4 ปัจจัยบวกหลัก ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.3% ต่อปี เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง และมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว 4.4% ต่อปี
โดยสอดคล้องกับความต้องการสินค้าของตลาดโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38.5 ล้านคน คิดเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1.83 ล้านล้านบาท
และมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่ 4.75 หมื่นบาท ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนจากการยกเว้นวีซ่า และยกเว้นแบบ ตม.6 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อาทิ จีน คาซัคสถาน
ส่วนด้านการลงทุนในปี 2568 จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1.การลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ต่อปี จากการเร่งดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยบีโอไอ ซึ่งมีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงกว่า 1.14 ล้านล้านบาทในปี 2567 สูงสุดในรอบ 10 ปี และมีโครงการยื่นขอส่งเสริมกว่า 3,100 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะทยอยลงทุนจริงภายใน 1–4 ปี หลังการอนุมัติ
2.การลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% ต่อปี จากความต่อเนื่องในการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนและการเร่งรัดโครงการสำคัญ และยังส่งผลให้การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 1.3% ต่อปี