คลังนัดถก “ธปท.-สภาพัฒน์” เข้มวางนโยบายดูแลเศรษฐกิจ

30 ม.ค. 2568 | 16:03 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2568 | 16:06 น.

คลังนัดถก “ธปท.-สภาพัฒน์” ทุกเดือน เริ่มนัดแรกก.พ.นี้ เข้มวางนโยบายดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ดันจีดีพีไทยปี 68 โต 3%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า 3 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (สภาพัฒน์)

จะมีการหารือเรื่องนโยบายการเงิน รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจทุกเดือน เพื่อวางแนวทางนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ จะมีการนัดประชุมครั้งแรก ในเดือนก.พ.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจร่วมกัน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง

"การหารือระหว่างคลัง ธปท. และสภาพัฒน์ ประจำทุกเดือนนี้ เพื่อร่วมกันติดตามสถานการณ์ และวางแนวทางนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ อย่างเข้มข้นมากขึ้น จากที่ปกติก็มีการพูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว"

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 3.0% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.5%–3.5%) โดยมี 4 ปัจจัยบวกหลัก ได้แก่ การบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.3% ต่อปี เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง และมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว 4.4% ต่อปี

โดยสอดคล้องกับความต้องการสินค้าของตลาดโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38.5 ล้านคน คิดเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1.83 ล้านล้านบาท

และมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่ 4.75 หมื่นบาท  ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนจากการยกเว้นวีซ่า และยกเว้นแบบ ตม.6 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อาทิ จีน คาซัคสถาน

ส่วนด้านการลงทุนในปี 2568 จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

1.การลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ต่อปี จากการเร่งดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยบีโอไอ ซึ่งมีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงกว่า 1.14 ล้านล้านบาทในปี 2567 สูงสุดในรอบ 10 ปี และมีโครงการยื่นขอส่งเสริมกว่า 3,100 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะทยอยลงทุนจริงภายใน 1–4 ปี หลังการอนุมัติ

2.การลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% ต่อปี จากความต่อเนื่องในการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนและการเร่งรัดโครงการสำคัญ และยังส่งผลให้การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 1.3% ต่อปี