แผน11วัน"ปิด-ดูด-อุด"ท่อน้ำมันใต้ทะเลSPRCจบไม่ลง สลับขั้นตอน 8วัน
แผนปฎิบัติการ"ปิด-ดูด-อุด"ท่อน้ำมันรั่วใต้ทะเลระยองของ SPRC จบไม่ลง เมื่อบอลวาล์ว 1 ใน 3 ตัวปิดได้ไม่สนิท ฉีดน้ำยากันรั่วแล้วยังไม่อยู่ ต้องหยุดดูดน้ำมันค้างท่อกลางครัน กรมเจ้าท่าอนุมัติปรับแผนสลับขั้นตอนเปลี่ยนมาอุดรูรั่ว 2 รูให้เสร็จก่อน ต้องใช้เวลาอีก 8 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 มี.ค.2565 ผ่านมาสิบเอ็ดวันของภารกิจ "ปิด-ดูด-อุด" ท่อน้ำมันรั่วใต้ทะเล จ.ระยอง ของ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่งฯ (SPRC) นับเป็นวันสุดท้ายของแผนปฎิบัติการ แต่ยังจบไม่ลง
เนื่องจากบอลวาล์ว 1 ใน 3 ตัว เกิดปัญหา ไม่ผ่านการทดสอบ ส่งผลให้ต้องหยุดดูดน้ำมันค้างท่อ ตั้งแต่วันที่ 6 ของแผน (27 ก.พ.2565) บริษัทฯแก้ปัญหา ด้วยการใช้น้ำยากันรั่วฉีดบอลวาล์วตัวที่มีปัญหาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านการทดสอบ คือ ยังปิดได้ไม่สนิท
บริษัทฯ จึงขออนุญาตกรมเจ้าท่า และคณะทำงานชุดใหญ่ เปลี่ยนใช้น้ำยากันรั่วชนิดใหม่ และถ้าการแก้ปัญหาบอลวาล์วยังไม่สำเร็จ แม้ได้ฉีดน้ำยากันรั่วชนิดใหม่แล้ว บริษัทฯจะขออนุญาตเปลี่ยนแผนงาน โดยหยุดขั้นตอนปิดบอลวาล์ว และพักขั้นตอนดูดน้ำมันค้างท่อไว้ แล้วจึงไปทำขั้นตอนอุดรอยรั่วท่ออ่อนทั้งสองจุดก่อน จากนั้นค่อยกลับสู่ขั้นตอนดูดน้ำมันค้างท่อต่อไป
แต่ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2565 (วันที่เก้าของแผน ) คณะกรรมการชุดใหญ่ นำโดยกรมเจ้าท่า อนุมัติ ตามที่บริษัท SPRC ขออนุญาต พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการ มีอำนาจอนุมัติ รายละเอียดทางเทคนิค และขั้นตอนปฏิบัติ
จากนั้นเมื่อวานนี้ ( 3 มี.ค.2565) หรือวันที่สิบของแผน ทางบริษัทฯ ทบทวนขั้นตอนและรายละเอียด ก่อนใช้น้ำยากันรั่วชนิดใหม่ฉีดบอลวาล์ว พบว่าถ้าจะให้บอลวาล์วผ่านการทดสอบ จะต้องฉีดน้ำยากันรั่วชนิดใหม่ มากถึง 360 ลิตร ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ น้ำมันค้างท่อรั่วซึมออกมาจากรอยรั่ว ในระหว่างการฉีดน้ำยากันรั่วเข้าไปที่ตัววาล์ว
ดังนั้น บริษัทฯ จึงขออนุญาต หยุดแก้ปัญหาบอลวาล์ว และเข้าสู่การปฏิบัติสลับขั้นตอน ตามแผนใหม่ โดยจะพันปิดรอยรั่วของท่ออ่อนใต้ทะเลทั้งสองจุดก่อน จากนั้นจึงกลับมาดูดน้ำมันค้างท่อใต้ทะเลต่อไป
ซึ่งทางคณะอนุกรรมการฯได้อนุมัติ ให้เริ่มฏิบัติงานตามแผนใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.2565 เป็นวันแรก โดยการพันปิดรอยรั่วที่ท่ออ่อนใต้ทะเล ทั้งสองรอยจะใช้เวลาประมาณ 8 วัน
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ภาพรวมตอนนี้ บริษัทฯ ดูดน้ำมันค้างท่อออกมาแล้ว 36,540 ลิตร จากแต่เดิมคาดว่า มีน้ำมันค้างท่อ ประมาณ 12,000 ลิตร นับเป็นปริมาณมากกว่าที่คาดการณ์กว่า 3 เท่าตัวเข้าไปแล้ว ขณะที่ยังมีน้ำมันค้างท่อรอการดูดอีกโดยยังไม่ทราบปริมาณ
ทั้งนี้ มีรายงานการปฎิบัติว่า 1.วันที่สิบของแผน (3 มี.ค.2565 ) เป็นการแก้ปัญหาและตรวจสอบการทำงานขั้นตอนที่ผ่านมา จึงไม่มีเนื้องานใหม่
2.บริเวณพื้นที่ปฏิบัติงานในทะเล วันที่สิบของแผน (3 มี.ค.2565) พบมีน้ำมันค้างท่อซึมออกมาจากรอยรั่ว ปรากฏฟิล์มน้ำมันบาง ๆ เป็นช่วงๆ จุดที่พบฟิล์มน้ำมันอยู่ใกล้ท่อลอยและตัวทุ่นมาก ได้ให้เรือ RS 38 เข้าตีกวนให้ฟิล์มน้ำมันแตกสลาย และใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน จำนวน 30 ลิตร
