เจ้าของฟาร์มหมูฟ้องเพิกถอนคำสั่งวันที่รู้เหตุแห่งการฟ้องคดีคือวันใด

26 ม.ค. 2568 | 06:30 น.

เจ้าของฟาร์มหมูฟ้องเพิกถอนคำสั่งวันที่รู้เหตุแห่งการฟ้องคดีคือวันใด : คอลัมน์อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย... นายปกครอง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4064

มะ-มะ-มะ-มะ-มะ-มะ-หมูเด้ง หมูเด้ง หมูเด้ง หมูเด้ง ... ใครช่วยเอาเพลงนี้ออกจากหัวผมทีครับ หยุดร้องไม่ได้เลย ...

ด้วยว่าน้องหมูเด้ง ซึ่งไม่ใช่หมูหากแต่เป็นเจ้าฮิปโปแคระ ที่นับวันยิ่งเป็นดาวเด่นของสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และช่วยปลุกบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคัก เรียกว่าดังเกินต้าน กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่เป็นขวัญใจของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ บทเพลงข้างต้นซึ่งได้ยินกันบ่อย ๆ ประกอบคลิปหมูเด้งจึงเป็นที่นิยม ยิ่งได้ฟังในช่วงอากาศเย็น ๆ แบบนี้ พาให้อารมณ์ดีกันทั้งวัน!

 

สำหรับคดีที่จะคุยกันต่อไป ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องหมู ๆ กรณีเจ้าของกิจการฟาร์มหมู หรือ ฟาร์มสุกรแห่งหนึ่ง ที่ได้รับความเดือดร้อนจากคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ที่ให้หยุดประกอบกิจการทันทีเป็นการชั่วคราว ซึ่งเจ้าของฟาร์มหมูได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว และได้ลงชื่อรับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ด้วยตนเองจากบุรุษไปรษณีย์ แต่มิได้เปิดอ่านทันทีเพราะติดธุระ โดยต่อมาได้นำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองพ้นกำหนดเวลา!

เรื่องราวของคดีมีอยู่ว่า ... ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงสุกร เพื่อจำหน่ายมากว่า 30 ปี ซึ่งก่อนหน้าได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการมาโดยตลอด แต่ช่วงหลังเกิดปัญหาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการดังกล่าว กระทั่งผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของเทศบาล ได้เข้าตรวจสอบกิจการแล้วพบว่า ผู้ฟ้องคดีเลี้ยงสุกรประมาณ 2,360 ตัว อันเป็นการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการเลี้ยงสุกรมากกว่า 500 ตัวขึ้นไป ในลักษณะที่เป็นการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น นายกเทศมนตรีจึงได้มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีหยุดดำเนินกิจการโดยทันทีเป็นการชั่วคราว

ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งข้างต้น โดยต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีมติให้ยกอุทธรณ์ และแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ฟ้องคดีทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โดยผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ลงนามรับหนังสือดังกล่าวไว้เอง และได้นำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง 

โดยยื่นฟ้องนายกเทศมนตรี ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของเทศบาล และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ) เพื่อขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ดังกล่าว 

คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ด้วยเหตุว่า ยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้ว ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์ความว่า ตนไม่ได้เปิดอ่านคำสั่งในวันที่รับหนังสือ (วันที่ 23 ธันวาคม 2566) เนื่องจากติดธุระ จนเวลาผ่านมา 2 วัน จึงได้เปิดอ่าน โดยในหนังสือมีข้อความ ตอนหนึ่งระบุว่า 

หากผู้ฟ้องคดีประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งนี้ สามารถทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครอง หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองที่มีเขตอำนาจภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับหรือทราบคำสั่งนี้  

ดังนั้น ระยะเวลาการฟ้องคดีจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีเปิดอ่าน อันเป็นวันที่ได้ทราบคำสั่งที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ระยะเวลา 90 วัน จึงครบกำหนดในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของหน่วยงานราชการ ทำให้ต้องนับวันที่เริ่มทำการใหม่ ต่อจากวันที่หยุดทำการนั้น เป็นวันสุดท้ายของระยะเวลา ตามมาตรา 193/8 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ฉะนั้น วันสุดท้ายของระยะเวลา 90 วัน คือวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 การที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีในวันที่ 25 มีนาคม 2567 จึงเป็นการยื่นฟ้องคดีภายในกำหนดเวลา

คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่า ... ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ? โดยต้องพิจารณาก่อนว่าผู้ฟ้องคดีรู้ หรือ ควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีตั้งแต่วันใด?

ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งจะต้องยื่นฟ้องภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อผู้ฟ้องคดีรับว่าตนได้รับแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับด้วยตนเอง พร้อมกับลงนามในใบตอบรับวันที่ 23 ธันวาคม 2566 

ประกอบกับหนังสือแจ้งผลดังกล่าวระบุข้อความไว้ชัดเจนว่า หากประสงค์จะโต้แย้งคำสั่งนี้ต่อศาลปกครองให้ยื่นหรือส่งทางไปรษณีย์ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับหรือทราบคำสั่งนี้ จึงต้องถือว่าผู้ฟ้องคดีรู้ควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีในวันที่ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว และต้องยื่นฟ้องคดี ภายในวันที่ 22 มีนาคม 2567 

                    เจ้าของฟาร์มหมูฟ้องเพิกถอนคำสั่งวันที่รู้เหตุแห่งการฟ้องคดีคือวันใด

การที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาล เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 จึงเป็นการยื่นฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา และคดีนี้ไม่เป็นการฟ้องคดีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่จะยื่นฟ้องเมื่อใดก็ได้

รวมทั้งไม่ใช่การฟ้องคดีที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม อันจะทำให้ศาลปกครองมีอำนาจรับไว้พิจารณาได้ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ประกอบข้อ 30 วรรคสอง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543

ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่าไม่ได้เปิดอ่านหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ ในวันที่ลงนามรับหนังสือดังกล่าว เนื่องจากติดธุระนั้น ศาลเห็นว่าเป็นเพียงเหตุผลส่วนตัวของผู้ฟ้องคดีเอง ยังไม่ถือเป็นเหตุจำเป็นอื่น ที่จะเป็นอุปสรรคขัดขวางที่ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถยื่นฟ้องคดีได้ ข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีจึงฟังไม่ขึ้น   

ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 950/2567) 

สรุปได้ว่า … การฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของนายกเทศมนตรี ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีหยุดดำเนินกิจการฟาร์มเลี้ยงสุกรโดยทันทีเป็นการชั่วคราว และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี จะต้องยื่นฟ้องภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี  

ทั้งนี้ แม้ในหนังสือที่แจ้งจะระบุให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับหรือทราบคำสั่ง ซึ่งกรณีนี้วันที่ถือว่ารู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี ก็คือ วันที่ลงชื่อหรือลงนามรับหนังสือ อันถือเป็นการได้รับแจ้งโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว มิใช่วันที่รับทราบคำสั่ง คือ วันที่เปิดอ่านแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ฟ้องคดีว่าจะเปิดอ่านเมื่อใด กรณีจึงมิอาจนำมาใช้นับระยะเวลาการฟ้องคดีได้ ... นั่นเองครับ

(ปรึกษาคดีปกครองได้ที่ สายด่วนศาลปกครอง 1355)