"อกาลิโก คือ ความจริง"

10 มิ.ย. 2564 | 05:00 น.
2.9 k

"อกาลิโก คือ ความจริง" : คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราช รามัญ

 

หลายคนใช้ชีวิตไปตามกาลเวลา บ้างก็มีสุข บ้างก็มีทุกข์ เมื่อกาลเวลานั้นเข้าไปกำหนด แต่ตามความเป็นจริงของโลกนี้ กาลเวลาเป็นเพียงแค่สิ่งสมมุติ แต่มนุษย์ทั้งหลาย ก็หลงเข้าไปติดกับดัก ของคำว่ากาลเวลา

แม้บางคน เป็นนักปฏิบัติธรรม สามารถนั่งสมาธิได้เป็นอย่างดี จิตได้เคลื่อนคล้อยหลงเข้าไปในอดีต อดีตที่ผ่านกาลเวลามาแล้ว จะร้อยปี สองร้อยปีหรือมากกว่านั้น แถมกลับไปยึดติดในเหตุการณ์ ว่าเคยเป็นอะไรมา แล้วก็ทำให้หลงลืม สิ่งที่เรียกว่าปัจจุบันขณะไป ซึ่งนี่ก็เรียกได้ว่า เป็นการหลงอยู่ในกาลเวลา อีกชนิดหนึ่ง

บางคน ที่ไม่ได้เป็นนักปฏิบัติแต่ก็อาจจะหลงกับกาลเวลาในอดีตของตนที่เคยสำเร็จที่เคยมีชื่อเสียงที่เคยมีความสุขยึดโยงเอาไว้จนจิตไม่ได้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ทำให้เกิด อาการหลอกสมอง และตามมาด้วยโรคซึมเศร้า ที่หลงเข้าไปยึดติดอยู่กับอดีต นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการหลงติดกับดักของการเวลา

พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสเอาไว้ว่า แท้จริงแล้วกาลเวลาไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างเป็นเพียงสมมุติ ล้วนแต่เป็นอกาลิโก มีแต่ภาวะปัจจุบันเท่านั้น ที่มีคุณค่ายิ่ง เมื่อจิตใจเราอยู่แต่กับปัจจุบันกับดัก ด้านการเวลาก็ไม่สามารถทำให้เราไปส่งหรือทุกข์ได้ อีกต่อไป

แม้แต่การปฏิบัติธรรมก็ไม่มีกาลเวลา ปฏิบัติได้ตลอดถ้าเรามีจิตใจมีความรู้สึกมีความคิดอยู่กับปัจจุบันขณะที่เราทำในสิ่งนั้นๆอยู่
ความทุกข์ก็น้อยลงความกังวลใจก็น้อยลง

การงานบางอย่างที่เราพึงอยากทำให้สำเร็จและออกมามีผลลัพธ์ที่ดีนั้น ถ้าเรามีความคิดความรู้สึกอยู่กับปัจจุบันขณะตลอด งานนั้นจะสำเร็จได้โดยง่ายงานนั้นจะเสร็จเร็วโดย ไร้ซึ่งกรอบเวลามากำหนด หรือพูดง่ายๆว่า สำเร็จเสร็จก่อนที่จะมีกาลเวลาอะไรเข้ามากำหนดด้วยซ้ำ

ดังนั้นเราลองมาฝึกใช้ชีวิตแบบไม่มีเงื่อนไขทางการเวลาทำทุกสิ่งอย่างอยู่กับปัจจุบันขณะ เราย่อมจะมีความสุข เราย่อมจะเห็นความเบิกบานของเราในขณะที่ทำงานได้อย่างชัดเจน และในที่สุดแล้ว ความทุกข์ก็ไม่สามารถเข้ามาครอบงำความคิดและจิตใจของเราได้อีกต่อไป และนี่คือที่สุดแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าอยากจะบอกคุณทั้งหลายทั้งคฤหัสถ์และนักบวช จงน้อมนำเอาความคิดจิตใจมาอยู่กับปัจจุบันขณะให้มากแล้วความสุขจะเกิดขึ้น ความสำเร็จ จะตามมา อย่างอิ่มเอิบและเบิกบานตลอดไป เพราะมีอกาลิโก คือ ไม่มีกาลเวลาใดๆเข้าผูกพันบีบคั้นให้เป็นทุกข์นั้นเอง