ถอดบทเรียนอู่ฮั่น จากศูนย์กลางแพร่ระบาด สู่ต้นแบบการเปิดเมือง (จบ)

06 พ.ค. 2563 | 19:15 น.
1.5 k


คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย... ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

หน้า 4 ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,572 วันที่ 7 - 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

 

การระบาดของไวรัสโคโรนาของโลกในครั้งนี้ไม่รู้จะจบเมื่อใด แต่จีนได้แสดงถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาวิกฤติได้เป็นอย่างดี และประกาศปลดล็อกการปิดเมืองทั้งหมดของจีนแล้วเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา จีนทำได้อย่างไร และทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมการเปิดเมือง วันนี้ ผมจะพาท่านผู้อ่านไปถอดบทเรียนกันต่อครับ

ในค่ำคืนของวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหาร ตำรวจ และแพทย์พยาบาล รวมทั้งจิตอาสาถูกส่งไปประจำในจุดต่างๆ ทั่วเมืองอู่ฮั่นเพื่อเตรียมรับมือกับงานใหญ่ รัฐบาลยังได้จัดกิจกรรมนับถอยหลังในใจกลางเมืองอู่ฮั่น ทันทีที่เข็มนาฬิกาแตะเข้าสู่วันที่ 8 เมษายน การฉลองเปิดเมืองด้วยแสงสีเสียงก็เริ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนออกจากบ้านเพื่อยลโฉมและชื่นชมบ้านเมืองของตนเองด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีอย่างกึกก้อง

อาคารสูงที่ติดตั้งแผงแอลอีดีไว้ก่อนหน้านั้นก็นำเสนอรูปภาพสีมากมายสุดตระการตาภายใต้แนวคิดหลัก “การประสบความสำเร็จ” หลายภาพที่สวยสดและเปี่ยมด้วยความหมายถูกเชื่อมโยงรายเรียงจากอาคารสู่อาคารริมสองฝั่งแม่น้ำอย่างงดงามยิ่ง ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาแห่งความเปรมปรีย์ที่กลับมาสู่เมืองอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน

ในด้านหนึ่ง ผมถือว่าความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุ่มเท ความอดทน และการมีส่วนรวมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน  ในอีกด้านหนึ่ง แต่ละภาคส่วนก็อาจประสบกับ “ความสำเร็จ” ในระดับและแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป ขณะที่จีนในภาพรวมให้ประเด็น “ความสำเร็จ” ในแง่มุมของการลดจำนวนผู้ติดเชื้อจนเป็นศูนย์  

การคิดค้นยารักษาโรคที่ผสมผสานเอาสมุนไพรจีนมาช่วยฟื้นฟูกำลังและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่คนไข้ที่ติดเชื้อจนหายกลับมาเป็นปกติก็อาจนับเป็นหนึ่งในความสำเร็จ

บางคนนึกถึงการจัดพิธีส่งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนกลับพื้นที่เดิมอย่างสมเกียรติ ภาพคนไข้ที่หายป่วยและญาติพี่น้องที่ออกมาโค้งคารวะพร้อมมอบดอกไม้ช่อใหญ่และของที่ระลึกเพื่อขอบคุณในน้ำใจของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเทเสียสละเพื่อชาวเมืองอู่ฮั่น และภาพการสวมกอดของบุคลากรทางการแพทย์ที่มาร่วมทุกข์ร่วมสุขและดูแลซึ่งกันและกันในช่วงวิกฤติก็ทำเอาผู้ชมการถ่ายทอดสดต่างกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

ชาวอู่ฮั่นคนหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวถึงความสำเร็จที่เรียบง่ายของตนเองในช่วงล็อกดาวน์ว่าได้แก่ การลดน้ำหนักลงได้ 10 กิโล อ่านหนังสือจบไป 2 เล่ม การฝึกตัดผม การทำอาหารและขนม และการปลูกต้นไม้ รวมทั้งการนอนวันละกว่า 8 ชั่วโมงที่ในช่วงเหตุการณ์ปกติจะไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้

 

เมื่อเปิดประตูเมือง...อู่ฮั่นก็คึกคักยิ่ง

เมื่อประกาศปลดล็อกเปิดเมือง ก็ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางเข้าออกเมืองและเดินทางผ่านเมืองอู่ฮั่น และแวะไปชิม “บะหมี่แห้ง” ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองอู่ฮั่น หรือเดินทางข้ามภูมิภาคได้โดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อมโลกดังเช่นในช่วงปิดเมือง 

ขณะเดียวกัน ถนนทุกสายภายในเมืองและทางด่วนเชื่อมเมืองถูกเปิดขึ้นอีกครั้งชาวเมืองสามารถเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันภายในเมืองได้อย่างคล่องตัว 

ในเช้าตรู่วันที่ 8 เมษายน คาราวานรถยนต์ก็ออกมาคราคร่ำบนท้องถนน ทำเอาทางด่วนในเกือบทุกสายที่เคยโล่งกลับมามีรถติดกันยาวเหยียด เฉกเช่นเดียวกับสถานการณ์รถติดในถนนสายหลักของไทยที่ออกสู่ต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลหยุดยาวของไทย

สถานีรถโดยสารประจำทาง รถไฟความเร็วสูง และสนามบินก็เปิดให้บริการเช่นกัน “ฮั่นโขว่จ้าน” สถานีรถไฟความเร็วสูงของอู่ฮั่นก็คึกคักและคราคร่ำไปด้วยผู้คนตั้งแต่เช้ามืด ผู้โดยสารจำนวนมากต่างต้องการจับรถไฟเที่ยวแรกๆ ออกจากเมือง สิ้นวันแรกก็ขนคนออกจากเมืองถึงราว 50,000 คน

ในเช้าวันที่ 8 เมษายน สายการบินไชน่าแอร์ไลน์สให้บริการเที่ยวบิน MU2527 พาผู้โดยสารราว 50 คนทะยานออกจาก “เทียนเหอกั๋วจี้จีฉาง” สนามบินนานาชาติของเมืองอู่ฮั่นไปซานย่า เมืองชายทะเลยอดนิยมบนเกาะไหหลำ เป็นเที่ยวแรก ตามด้วยเที่ยวบินสู่หัวเมืองอย่างเซี่ยงไฮ้ เซียะเหมิน หนิงโปว กวางโจว คุนหมิง ไหโข่ว และอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 30 เที่ยวบินในวันแรก เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ของโลกกลับสู่สภาวะปกติ เราจะได้เห็นบริการเที่ยวบินเข้าออกที่เชื่อมระหว่างอู่ฮั่นไปยังกว่า 100 เมืองทั้งในและต่างประเทศเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน

ในระยะแรกของการเปิดเมือง นอกจากจะกำหนดให้ชาวเมืองที่ออกมาด้านนอกต้องสวมใส่หน้ากากและป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม รัฐบาลยังให้คำแนะนำให้ชาวเมืองไม่ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น ตามแหล่งชุมชนในเมือง เราจะเห็น การตรวจวัดอุณหภูมิ การขอดูเฮล์ธโค้ด 

อย่างไรก็ดี อารมณ์ของผู้คนผสมปะปนกัน บางคนยังกลัวที่จะออกมาข้างนอก เพราะไม่มั่นใจว่าข้างนอกปลอดภัยจริงหรือไม่ ด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ดังกล่าว เราจึงเห็นภาพผู้โดยสารหลายคนที่ใส่ชุดป้องกันทางการแพทย์แบบจัดเต็มราวกับบุคลากรทางการแพทย์เข้าห้องผู้ติดเชื้อ บางคนก็ดีใจตนเนื้อเต้นที่จะได้พบหน้าภริยาและลูกอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ภาครัฐก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำตามจุดคัดกรองและเฝ้าระวัง ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามเสื้อผ้าและรองเท้า และขอดูเฮล์ธโค้ด ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบที่ประหยัด รวดเร็ว และสะดวกมาก

ถอดบทเรียนอู่ฮั่น จากศูนย์กลางแพร่ระบาด สู่ต้นแบบการเปิดเมือง (จบ)

 

นอกจากนี้ ชาวจีนจากทั่วประเทศยังส่งข้อความจนเป็นไวรัลผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อปลุกขวัญกำลังใจชาวเมืองอู่ฮั่นให้กลับมาเข้มแข็งและก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงอีกครั้งหลังการเปิดเมือง ภาพการ์ตูนอันสดใสพร้อมข้อความที่ระบุว่า ปิดเมืองไปหลายวันพวกเราคิดถึง “บะหมี่แห้ง” อันแสนอร่อยกันแล้ว หรือสัญลักษณ์จากเมืองต่างๆ ในจีนที่ยืนกอดคอส่งเสียงให้กำลังใจบะหมี่แห้ง

ชาวเมืองอู่ฮั่นบางส่วนสูญเสียหลายสิ่งและได้รับผลกระทบทางจิตใจในระยะยาวชาวเมืองกว่า 50,000 คนติดเชื้อไวรัสในครั้งนี้ หลายคนยังต้องได้รับการรักษาและเผ้าระวังอยู่ ขณะที่ชาวเมืองกว่า 3,200 คนถูกเชื้อโควิด-19 พรากชีวิตไป 

ถอดบทเรียนอู่ฮั่น จากศูนย์กลางแพร่ระบาด สู่ต้นแบบการเปิดเมือง (จบ)

ศพเหล่านั้นรอการประกอบพิธีเพื่อส่งดวงวิญญาณ เพราะรัฐบาลปิดสุสานและงดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ญาติพี่น้องได้รับอนุญาตให้ประกอบพิธีไว้อาลัยและใช้วิธีเผาศพ โดยไม่มีโอกาสได้เปิดดูผู้เสียชีวิตอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่เชื้อจะแพร่กระจาย 

ในการประชุมโพลิตบูโรเมื่อกลางเดือนเมษายน รัฐบาลก็อนุมัติให้จัดสรรทรัพยากรเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูมณฑลฟู่เป่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองอู่ฮั่น ให้มากและเร็วกว่าที่วางแผนไว้เดิม เพื่อชดเชยกับวิกฤติโควิด-19 ที่โหดร้ายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

ชาวเมืองอู่ฮั่นยังคงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย การทำความสะอาดมือ และการรักษาระยะห่างทางสังคม ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอู่ฮั่นแปะป้ายประกาศไว้หน้าร้านว่า “ไม่ล้างมือ ไม่ให้กินข้าว”

ขณะที่โรงเรียนยังไม่มีการเรียนการสอน ราว 40 ชุมชนจะยังถูกล็อกดาวน์ และกิจการบางแห่งยังไม่แข็งแรงมากพอที่จะพร้อมเปิด แต่ผู้คนก็สามารถออกมาใช้ชีวิตภายนอกได้แล้ว และคงจะใช้เวลาอีกสักระยะกว่าการใช้ชีวิตในอู่ฮั่นจะกลับมาสู่สภาวะปกติ

อู่ฮั่นที่เรารู้จักมักคุ้นในฐานะการเป็นศูนย์กลางการแพร่ะบาดเมื่อ 3 เดือนก่อน ได้พลิกฟื้นสถานะสู่การเป็นเมืองต้นแบบของการเปิดเมือง แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์และโอกาสทางธุรกิจ ท่านผู้อ่านก็หาเวลาว่างเดินทางไปเยี่ยมชม สำรวจ และชิมบะหมี่แห้งเลิศรสที่อู่ฮั่นกันดูนะครับ

 

เกี่ยวกับผู้เขียน :  ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดจีน มุ่งหวังนำข้อมูลและมุมมอง ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การตลาดและอื่น ๆ  ที่อยู่ในกระแสของจีนมาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน เพื่อเราจะไม่ตกขบวน “รถไฟความเร็วสูง” ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน