กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทย และยังเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และการบริโภค ส่งผลให้เกิดการสร้างคอมมูนิตี้ "กลุ่ม LGBTQ+" ซึ่งเป็นโอกาสทางการตลาดที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนี้
ผศ.ดร.บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และสื่อสารการตลาด เปิดเผยถึงผลกระทบในด้านบวกที่เกี่ยวข้องในมุมของธุรกิจที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของ Blue ocean
“ตลาดสำหรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเปรียบเสมือน “น่านน้ำสีคราม” (Blue Ocean) ที่ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก ธุรกิจใดที่เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนี้และสามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ได้ จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 3-5 ปี นับจากนี้”
ผศ.ดร.บุปผา กล่าวเสริมว่า การเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการเฉพาะตัว ธุรกิจต่างๆ จึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้านี้ ธุรกิจบริการที่จะมีโอกาสเติบโตจากการมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงาน เช่น ธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ธุรกิจเช่าชุดแต่งงาน สิทธิในการสมรสจะช่วยเพิ่มความต้องการในการจัดงานเฉลิมฉลองการแต่งงานมากขึ้น
ข้อมูลจากบริษัทให้บริการจัดงานแต่งงานของไทย Wonders and Weddings คาดการณ์ว่ายอดจองการจัดงานแต่งงานจะเพิ่มมากขึ้น โดยการจองจัดงานแต่งงานของกลุ่ม LGBTQIA+1 จะคิดเป็นร้อยละ 25 จากยอดจองทั้งหมด2 การจัดงานแต่งงานถือเป็นการฉลองก้าวสำคัญ (milestone) ของชีวิตของหลายคน ซึ่งกลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศก็ต้องการเฉลิมฉลองช่วงเวลาสำคัญนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ข้อมูลของบริษัท IPSOS ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านตลาดข้ามชาติให้ข้อมูลว่าประชากรร้อยละ 9 ของไทย ระบุตนเองว่าเป็นกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งความต้องการในการจัดงานเฉลิมฉลองที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงานเติบโตอย่างมาก
“ธุรกิจจัดงานแต่งงานปรับตัวเพิ่มเติมในแง่ของแพ็คเกจที่หลากหลาย จากเดิมที่เน้นคู่รักชายหญิง ธุรกิจจัดงานแต่งงานในปัจจุบันได้ออกแบบแพ็คเกจที่ตอบโจทย์ความต้องการของคู่รักเพศเดียวกันมากขึ้น เช่น การเลือกชุดเจ้าสาวเจ้าบ่าวที่หลากหลาย หรือการจัดพิธีที่สะท้อนความเป็นตัวของคู่รัก”
อีกหนึ่งธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการสมรมเท่าเทียม คือธุรกิจที่เกี่ยวกับกับสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงกลายเป็นเพื่อนคู่ใจที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักเพศเดียวกันที่อาจจะยังไม่ได้มีบุตร สัตว์เลี้ยงจึงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง และได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เปิดกว้างรับความหลากหลายทางเพศ ส่งผลให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงได้รับอานิสงส์เป็นสะพานเชื่อมสร้างโอกาสให้กับธุรกิจต่าง ๆ เช่น โรงแรม ที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ที่ต้องปรับตัวให้เป็น Pet-Friendly เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
“เมื่อโอกาสของความเท่าเทียมเกิดขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ จะกลับมาคึกคักขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เป็นยุคของ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” ธุรกิจต้องปรับตัวเข้าใจอินไซตืของผุ้บริดโภคกลุ่มนี้ และสื่อสารการตลาดอย่างรอบคอบ โอกาสครั้งนี้เหมือนได้เข้าไปในตลาดยุคที่การแข่งขันไม่รุนแรง ธุรกิจใดจับเทรนด์ได้ก่อนมีโอกาสโตอย่างก้าวกระโดด ผศ.ดร.บุปผา” กล่าวทิ้งท้าย
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนถึงการก้าวไปข้างหน้าของสังคมไทยในด้านความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายที่มากขึ้นในเวทีโลก