สมรสเท่าเทียม ดันศัลยกรรมความงาม เติบโตรับกลุ่ม LGBTQ

23 ม.ค. 2568 | 08:57 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2568 | 09:06 น.

LGBTQ หรือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ จะเป็นกลุ่มตลาดที่มาใช้บริการในธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจเวลเนส เป็นปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อประเทศไทย มีการประกาศใช้กฏหมายสมรสเท่าเทียม จะเริ่มในวันที่ 23 มกราคม 2568 จะส่งผลดีต่อตลาดศัลยกรรมความงามที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น

นายแพทย์ไพบูลย์ เอกแสงศรี นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในกรณีกฎหมายการสมรสเท่าเทียมสำหรับกลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ สำหรับธุรกิจการแพทย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการในกลุ่มนี้ยังคงมีเป็นปกติ กฎหมายที่จะออกมาไม่ได้ส่งผลให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่อย่างใด แต่อาจส่งผลให้แผนกศัลยกรรมความงามเพิ่มขึ้น เพราะคนที่ปกปิดตัวตนในกลุ่ม LGBTQ จะกล้าเปิดเผยตัว และหันมาสนใจความสวยความงามมากขึ้น

ด้าน ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และอดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศลำดับต้นต้นของโลกที่เปิดกฎหมายการสมรสเท่าเทียม และสังคมให้การยอมรับ ตามกฎหมาย จะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถรักษาพยาบาล ทำศัลยกรรม หรือเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้อย่างเต็มระบบมากขึ้น

ในภาพรวมด้านศัลยกรรมตกแต่งคาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปีเป็นต้นไปนับจากนี้ โดยธุรกิจการแพทย์ด้านความสวยความงาม จะเติบโตเป็นปกติด้วยปัจจัยจากจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว เพราะทั้งหญิงและชายเริ่มหันมาสนใจรูปลักษณ์ สนใจการทำหัตถการชะลอความแก่

สมรสเท่าเทียม ดันศัลยกรรมความงาม เติบโตรับกลุ่ม LGBTQ

ขณะที่กลุ่ม LGBTQ จะเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดแรงผลักดันทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น ทั้งจากผู้ใช้บริการทั้งคนไทนและต่างชาติ แต่จำนวนลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อ ซึ่งปี 2568 ผู้ประกอบการต้องวางแผนและจับตามองนโยบายของผู้นำสหรัฐอเมริกาใคนใหม่ให้ดี

นายสุนัย วชิรวราการ นายกสมาคมสปาไทย กล่าวว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมถือว่ามีออกมาเพื่อกลุ่ม LGBTQ โดยเฉพาะ และสิ่งสำคัญคือการส่งผลกระทบเชิงบวกในด้านความรู้สึกของคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีความสนใจในการดูแลสุขภาพเป็นหลักอยู่แล้ว หลายคนอาจจะเริ่มหันมาสนใจดูแลตัวเองมากขึ้น เกิดการใช้จ่ายสำหรับดูแลสุขภาพ ส่งผลบวกในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น แต่คงไม่เกิดแรงกระเพื่อมหรือเอฟเฟ็กต์ขนาดใหญ่ เพราะคนเหล่านี้ก็ยังใช้ชีวิตปกติ อย่างในธุรกิจสปาก็มีลูกค้ากลุ่มใหญ่เป็น LGBTQ อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว และมีความเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBTQ การออกกฎหมายสมรสเท่าเทียมอาจเพิ่มนักท่องเที่ยวรายใหม่จากต่างชาติมากขึ้น และแน่นอนว่ากฎหมายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ให้ผู้คนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับการรักษาพยาบาล และพร้อมเปิดกว้างกับทุกเพศ