นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การที่ประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่ได้เป็นเพียงก้าวสำคัญทางสังคมของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวของประเทศ
การที่ประเทศไทยให้การยอมรับและมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญระดับโลก ที่เราได้เป็นประเทศแรกๆ ที่แสดงให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์ว่าไทยไม่เป็นเพียงแค่จุดหมายปลายทางเท่านั้น
แต่ยังเป็นประเทศที่พร้อมต้อนรับการเฉลิมฉลองให้กับความรักในทุกรูปแบบ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQIAN+ จากทั่วทุกมุมโลก
ททท. พร้อมส่งเสริมและต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสจากกฏหมายสมรสเท่าเทียมได้อย่างเต็มที่ ททท. ได้ดำเนินการสนับสนุน ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการผ่านแคมเปญ ‘Go Thai Be Free’ ที่เป็นแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ เปิดกว้างและเข้าถึงกลุ่มดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งยังเป็นแคมเปญทางการสื่อสารที่มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็น LGBTQ+ Friendly Destination
โดยนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆอาทิ Facebook, Instragram, X, Youtube เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยพร้อม ต้อนรับคู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อนของนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+
อีกทั้งททท. พร้อมสนับสนุนและมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ World Pride 2028
ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 2 ประเทศในทวีปเอเชียที่การเป็น LGBTQ+ เป็นที่ยอมรับ ททท. จึงได้ใช้ Tagline ในการประชาสัมพันธ์แคมเปญว่า “Be yourself as you can’t be anywhere else”
โดยมุ่งเน้นการสื่อสารให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ ในทวีปเอเชียเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่สามารถแสดงออกได้ในประเทศของตนเอง
โดยการนำเสนอดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่นักท่องเที่ยว LGBTQ+ ในเอเชียส่วนใหญ่ มองว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่เมื่อเดินทางมาแล้วเกิดความสบายใจ จนอยากมาลงหลักปักฐานเป็นที่อยู่ถาวร
อีกทั้งททท. ยังร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ เช่น แพคเกจท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยว หรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น White Party, Bangkok Pride Month
ททท.ยังสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ จากทั่วโลก
การเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการขยายพื้นที่จัดงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม LGBTQ+ รวมถึงจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ททท. ยังคงมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกระแสและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ เดินทางมาประเทศไทยมายิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีกิจกรรมไพรด์ที่จัดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งจะสร้างสีสันและความสนุกสนาน และเป็นเฟสติวัลที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังประเทศไทยอีกด้วย
นางสาวฐาปนีย์ ยังกล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ จัดว่าเป็นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เดินทางบ่อยกว่า และระยะเวลาพานักยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป และมี Loyalty สูง และมีกระแสเทรนด์การท่องเที่ยวในระดับโลก
โดยจากข้อมูลจาก LGBT Capital รายงานว่า ประเทศไทย ได้รับรายได้ทางการท่องเที่ยวจากท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ สูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.25 หมื่นล้านบาท) สูงเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิตาลี และมีประชากร LGBTQ ที่มีอายุมากกว่า 15 ปีทั่วโลก อยู่มากกว่า 388 ล้านคนทั่วโลก
ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังการใช้จ่ายมูลค่าประมาณ 4.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ก่อให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
นอกจากนี้มีผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ มีกำลังซื้อสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 40% และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังให้ความสำคัญกับการเดินทางไปยังประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และยอมรับในความแตกต่าง
ดังนั้นการที่ประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเป็นการเปิดโอกาสให้คู่รักจำนวนมากที่มีข้อจำกัดในการจัดงานในประเทศของตน เดินทางมาเฉลิมฉลองและจัดงานแต่งงานในประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานแต่งงานบนชายหาดที่สวยงามที่เกาะสมุย หรือการจัดงานแต่งงานท่ามกลางธรรมชาติและกลิ่นอายล้านนาที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
โดยทุกสถานที่ที่งดงามในประเทศไทย พร้อมที่จะต้อนรับการจัดเฉลิมฉลองการสมรสเท่าเทียมสำหรับทุกคู่รัก และที่สำคัญนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ เป็นกลุ่มที่มีความต้องการท่องเที่ยวเพื่อแสวงหาประสบการณ์ที่แตกต่าง หลากหลาย สนใจอัตลักษณ์ของพื้นที่ และมักจะมีการบอกต่อหรือรีวิวผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ทำให้เกิดกระแสไวรัล และเป็นประโยชน์ในการเพิ่มโอกาสทางการตลาดและช่วยเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าและบริการต่าง ๆ ของไทย
ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดนี้ของททท.ที่เกิดขึ้น