สมรสเท่าเทียม ททท.ดันไทย LGBTQ+ เดสติเนชั่น ขับเคลื่อนท่องเที่ยว 5 หมื่นล้าน

23 ม.ค. 2568 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2568 | 08:15 น.
523

สมรสเท่าเทียม ส่งผลสำคัญต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ทำรายได้จากการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 5.25 หมื่นล้านบาท ททท.มีแผนจะขับเคลื่อนตลาดนี้อย่างไร “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าททท.มีคำตอบ

สมรสเท่าเทียม หนุนไทย จุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวกลุ่ม Lgbtq

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การที่ประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่ได้เป็นเพียงก้าวสำคัญทางสังคมของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวของประเทศ

การที่ประเทศไทยให้การยอมรับและมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญระดับโลก ที่เราได้เป็นประเทศแรกๆ ที่แสดงให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์ว่าไทยไม่เป็นเพียงแค่จุดหมายปลายทางเท่านั้น

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

แต่ยังเป็นประเทศที่พร้อมต้อนรับการเฉลิมฉลองให้กับความรักในทุกรูปแบบ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ  LGBTQIAN+ จากทั่วทุกมุมโลก

ททท.ดันไทย
LGBTQ+ Friendly Destination

ททท. พร้อมส่งเสริมและต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสจากกฏหมายสมรสเท่าเทียมได้อย่างเต็มที่ ททท. ได้ดำเนินการสนับสนุน ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการผ่านแคมเปญ ‘Go Thai Be Free’ ที่เป็นแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ เปิดกว้างและเข้าถึงกลุ่มดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์

ทั้งยังเป็นแคมเปญทางการสื่อสารที่มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็น LGBTQ+ Friendly Destination

การส่งเสริมการท่องเที่ยวของททท.ในกลุ่ม LGBTQ+

โดยนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆอาทิ Facebook, Instragram, X, Youtube เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยพร้อม ต้อนรับคู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อนของนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+

อีกทั้งททท. พร้อมสนับสนุนและมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ World Pride 2028

ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 2 ประเทศในทวีปเอเชียที่การเป็น LGBTQ+ เป็นที่ยอมรับ ททท. จึงได้ใช้ Tagline ในการประชาสัมพันธ์แคมเปญว่า “Be yourself as you can’t be anywhere else”

โดยมุ่งเน้นการสื่อสารให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ ในทวีปเอเชียเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเป็นตัวของตัวเอง ที่ไม่สามารถแสดงออกได้ในประเทศของตนเอง

โดยการนำเสนอดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่นักท่องเที่ยว LGBTQ+ ในเอเชียส่วนใหญ่ มองว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่เมื่อเดินทางมาแล้วเกิดความสบายใจ จนอยากมาลงหลักปักฐานเป็นที่อยู่ถาวร

สมรสเท่าเทียม

อีกทั้งททท. ยังร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ เช่น แพคเกจท่องเที่ยว เส้นทางท่องเที่ยว หรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น White Party, Bangkok Pride Month

ททท.ยังสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวและพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ จากทั่วโลก

การเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากการขยายพื้นที่จัดงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม LGBTQ+ รวมถึงจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้นทุกปี

ททท. ยังคงมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกระแสและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ เดินทางมาประเทศไทยมายิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีกิจกรรมไพรด์ที่จัดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งจะสร้างสีสันและความสนุกสนาน และเป็นเฟสติวัลที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังประเทศไทยอีกด้วย

สมรสเท่าเทียม

นางสาวฐาปนีย์ ยังกล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ จัดว่าเป็นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เดินทางบ่อยกว่า และระยะเวลาพานักยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป และมี Loyalty สูง และมีกระแสเทรนด์การท่องเที่ยวในระดับโลก

นักท่องเที่ยวกลุ่มสีรุ้ง สร้างรายได้ท่องเที่ยวไทย 5 หมื่นล้านบาทต่อปี

โดยจากข้อมูลจาก LGBT Capital รายงานว่า ประเทศไทย ได้รับรายได้ทางการท่องเที่ยวจากท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ สูงถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (5.25 หมื่นล้านบาท) สูงเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิตาลี และมีประชากร LGBTQ ที่มีอายุมากกว่า 15 ปีทั่วโลก อยู่มากกว่า 388 ล้านคนทั่วโลก

ทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังการใช้จ่ายมูลค่าประมาณ 4.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ก่อให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

นอกจากนี้มีผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIAN+ มีกำลังซื้อสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 40% และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังให้ความสำคัญกับการเดินทางไปยังประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และยอมรับในความแตกต่าง

สมรสเท่าเทียม ททท.ดันไทย LGBTQ+ เดสติเนชั่น ขับเคลื่อนท่องเที่ยว 5 หมื่นล้าน

ไทยเวดดิ้ง เดสติเนชั่น

ดังนั้นการที่ประเทศไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเป็นการเปิดโอกาสให้คู่รักจำนวนมากที่มีข้อจำกัดในการจัดงานในประเทศของตน เดินทางมาเฉลิมฉลองและจัดงานแต่งงานในประเทศไทย

ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานแต่งงานบนชายหาดที่สวยงามที่เกาะสมุย หรือการจัดงานแต่งงานท่ามกลางธรรมชาติและกลิ่นอายล้านนาที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

โดยทุกสถานที่ที่งดงามในประเทศไทย พร้อมที่จะต้อนรับการจัดเฉลิมฉลองการสมรสเท่าเทียมสำหรับทุกคู่รัก และที่สำคัญนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ เป็นกลุ่มที่มีความต้องการท่องเที่ยวเพื่อแสวงหาประสบการณ์ที่แตกต่าง หลากหลาย สนใจอัตลักษณ์ของพื้นที่ และมักจะมีการบอกต่อหรือรีวิวผ่านทางโซเชียลมีเดีย

ทำให้เกิดกระแสไวรัล และเป็นประโยชน์ในการเพิ่มโอกาสทางการตลาดและช่วยเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าและบริการต่าง ๆ ของไทย

ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในกลุ่มตลาดนี้ของททท.ที่เกิดขึ้น