สมรสเท่าเทียม สร้างโอกาสธุรกิจไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีรุ้ง 7 หมื่นล้าน

23 ม.ค. 2568 | 12:50 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2568 | 16:32 น.

กฎหมายสมรสเท่าเทียมของประเทศไทย ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2568 ประเทศไทย เป็นประเทศแรกในอาเซียน และประเทศที่ 2 ในเอเชียเท่านั้น ยังเป็นการสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจของประเทศไทย และขับเคลื่อนรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศได้กว่า 7 หมื่นล้านบาท

โอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับจากสมรสเท่าเทียมที่เกิดขึ้น จากงานวิจัยล่าสุด Agoda Global Report พบว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ภายใน 2 ปี หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ทั้งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างมาก

โดยรายได้ที่เกิดขึ้นจะกระจายไปในหลายภาคส่วน เช่น การจองที่พัก การบริการอาหารและเครื่องดื่ม การจับจ่ายซื้อสินค้า การเดินทางภายในประเทศ และอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ความบันเทิงและบริการทางการแพทย์ ทั้งยังช่วยให้เกิดการจ้างงานเพิ่มอีก 152,000 ตำแหน่ง โดย 76,000 ตำแหน่งจะเกิดขึ้นโดยตรงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอีก 76,000 ตำแหน่งจะกระจายไปยังภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจไทยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยเพิ่มขึ้น 0.3%

สมรสเท่าเทียม สร้างโอกาสธุรกิจไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีรุ้ง 7 หมื่นล้าน

วาดดาว อรรณว์ ชุมาพร ประธานและผู้ก่อตั้ง นฤมิตไพรด์ ในฐานะผู้จัดงานบางกอกไพรด์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชีย ต่อจากไต้หวันที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม และเป็นประเทศแรกในอาเซียน ซึ่งจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ โดยแม้ว่าในบางประเทศ เช่น เนปาลและญี่ปุ่น จะมีคำตัดสินของศาลที่รับรองการสมรสเท่าเทียม แต่ยังไม่ได้มีการออกเป็นกฎหมายในระดับประเทศ

โอกาสที่ไทยจะได้รับจากสมรสเท่าเทียม ในด้านเศรษฐกิจ จะทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ ที่มักมองหาจุดหมายปลายทางที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลาย ไทยกลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น และจะทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดงานแต่งงานของคู่รักทั่วโลก หรือ เวดดิ้ง เดสติเนชั่น ไม่เพียงเฉพาะคู่รักชาวไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคู่รักจากต่างประเทศที่ต้องการจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย และการเฉลิมฉลองต่างๆ ทำให้ไทยเป็นหมุดหมายสำคัญเพิ่มขึ้น ในการจัดอีเว้นท์ และเทศกาลต่างๆสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้

สมรสเท่าเทียม สร้างโอกาสธุรกิจไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีรุ้ง 7 หมื่นล้าน

ประเทศไทยมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ+ ในภูมิภาคเอเชีย เป้าหมายต่อไป คือ การผลักดันให้ไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Pride ปี 2026 ขณะที่การจัดกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องก็จะมีการจัดใหญ่และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี

อย่างการจัดงาน Bangkok Pride ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ก็จะพบว่ามีผู้ร่วมงานเปิดขึ้นทุกปี จากปีแรกอยู่ที่ 2 หมื่นคน ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2 แสนคน ดังนั้นการจัดงาน Bangkok Pride 2025 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2567 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานระหว่าง 2-3 แสนคน ซึ่งไม่ใช่แค่ไพรด์พาเรด แต่จะเน้นเรื่องของงานฟอรัมระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น

รวมถึงการเฉลิมฉลองกม.สมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.- 14 ก.พ.2568 โดยในกรุงเทพมหานครจะจัดงานที่พารากอนฮอลล์ และจะมีการจัดงานในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในวันวาเลนไทน์ที่คาดว่าจะมีคู่รัก LGBTQ+ จำนวนมากเข้าจดทะเบียนสมรส

อีกทั้งกฎหมายสมรสเท่าเทียมยังส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจระดับครัวเรือน เนื่องจากคู่สมรสสามารถสร้างฐานเศรษฐกิจร่วมกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งการเปิดบัญชีร่วม การทำธุรกรรมทางการเงิน และการลงทุนธุรกิจร่วมกันได้ เอื้อต่อการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนในฐานะคู่สมรส ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้นกว่าการดำเนินการในนามบุคคลเดียว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งให้กับครอบครัว

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่อยากผลักดันต่อ คือ กฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity Recognition Law) เพื่อรองรับสิทธิของกลุ่มบุคคลข้ามเพศ (Transgender) และกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศอื่นๆ โดยกฎหมายดังกล่าวจะครอบคลุมประเด็นสำคัญ 2 ด้าน คือ การยืนยันเพศกำเนิด และการเปลี่ยนคำนำหน้านาม ซึ่งจะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย วาดดาว กล่าวทิ้งท้าย

ขณะเดียวกันกฎหมายสมรสเท่าเทียมถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทย และยังเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์และการบริโภค ส่งผลให้เกิดการสร้างคอมมูนิตี้ กลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งเป็นโอกาสทางการตลาดที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนี้

ผศ.ดร.บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และสื่อสารการตลาด เปิดเผยว่าตลาดสำหรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เปรียบเสมือน “น่านน้ำสีคราม” (Blue Ocean) ที่ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก ธุรกิจใดที่เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนี้และสามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ได้ จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 3-5 ปี นับจากนี้

สมรสเท่าเทียม สร้างโอกาสธุรกิจไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีรุ้ง 7 หมื่นล้าน

 การเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการเฉพาะตัว ธุรกิจต่างๆ จึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้านี้ ธุรกิจบริการที่จะมีโอกาสเติบโตจากการมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงาน เช่น ธุรกิจสตูดิโอถ่ายภาพ ธุรกิจเช่าชุดแต่งงาน สิทธิในการสมรสจะช่วยเพิ่มความต้องการในการจัดงานเฉลิมฉลองการแต่งงานมากขึ้น

 ข้อมูลจากบริษัทให้บริการจัดงานแต่งงานของไทย Wonders and Weddings คาดการณ์ว่ายอดจองการจัดงานแต่งงานจะเพิ่มมากขึ้น โดยการจองจัดงานแต่งงานของกลุ่ม LGBTQIA+ จะคิดเป็น 25 % จากยอดจองทั้งหมด และการจัดงานแต่งงาน ถือเป็นการฉลองก้าวสำคัญ (milestone) ของชีวิตของหลายคน ซึ่งกลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศก็ต้องการเฉลิมฉลองช่วงเวลาสำคัญนี้เช่นกัน

 ทั้งนี้ข้อมูลของบริษัท IPSOS ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านตลาดข้ามชาติให้ข้อมูลว่าประชากรกว่า 9 % ของไทย ระบุตนเองว่าเป็นกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งความต้องการในการจัดงานเฉลิมฉลองที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงานเติบโตอย่างมาก

 “ธุรกิจจัดงานแต่งงานปรับตัวเพิ่มเติมในแง่ของแพ็คเกจที่หลากหลาย จากเดิมที่เน้นคู่รักชายหญิง ธุรกิจจัดงานแต่งงานในปัจจุบันได้ออกแบบแพ็คเกจที่ตอบโจทย์ความต้องการของคู่รักเพศเดียวกันมากขึ้น เช่น การเลือกชุดเจ้าสาวเจ้าบ่าวที่หลากหลาย หรือการจัดพิธีที่สะท้อนความเป็นตัวของคู่รัก”

 อีกหนึ่งธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการสมรมเท่าเทียม คือธุรกิจที่เกี่ยวกับกับสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงกลายเป็นเพื่อนคู่ใจที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักเพศเดียวกันที่อาจจะยังไม่ได้มีบุตร สัตว์เลี้ยงจึงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง และได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี

การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เปิดกว้างรับความหลากหลายทางเพศ ส่งผลให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงได้รับอานิสงส์เป็นสะพานเชื่อมสร้างโอกาสให้กับธุรกิจต่าง ๆ เช่น โรงแรม ที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ที่ต้องปรับตัวให้เป็น Pet-Friendly เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

สมรสเท่าเทียม สร้างโอกาสธุรกิจไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีรุ้ง 7 หมื่นล้าน

“เมื่อโอกาสของความเท่าเทียมเกิดขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ จะกลับมาคึกคักขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เป็นยุคของ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” ธุรกิจต้องปรับตัวเข้าใจอินไซต์ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ และสื่อสารการตลาดอย่างรอบคอบ โอกาสครั้งนี้เหมือนได้เข้าไปในตลาดยุคที่การแข่งขันไม่รุนแรง ธุรกิจใดจับเทรนด์ได้ก่อนมีโอกาสโตอย่างก้าวกระโดด ผศ.ดร.บุปผา” กล่าวทิ้งท้าย

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนถึงการก้าวไปข้างหน้าของสังคมไทยในด้านความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายที่มากขึ้นในเวทีโลก

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,065 วันที่ 26 - 29 มกราคม พ.ศ. 2568