นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความท้าทายของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 แน่นอนว่าเป็นเรื่องปากท้องของประชาชน โดยหลังจากเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้น ได้เห็นปัญหาที่ฝังอยู่ใต้พรมจำนวนมาก ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะตรึงตัว ขณะที่สภาพความเป็นรัฐ ราชการ ฝังลึก ซึ่งยังมีปัญหาหลายๆ อย่างที่จะต้องปรับ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น
ด้านสถานการณ์ตลาดทุน ในปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ฝีแตก ฉะนั้น ทั้งหมดจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างลงรายละเอียด ซึ่งรัฐบาลก็ตั้งโจทย์ไว้สูง คือ ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวหน้า และเชื่อมั่นว่าตัวเลขเศรษฐกิจในปี 2568 นี้ จะขยายตัวได้ 3%
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้วางโจทย์ไว้เท่านั้น เพราะเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะแก้ปัญหาหลายๆ จุดได้ เช่น ตัวเลขหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน เป็นต้น
“จีดีพีที่เติบโต นอกจากช่วยเรื่องตัวเลขสัดส่วนหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนให้สัดส่วนลดลงมาแล้ว หากมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตสูง ก็จะมีส่วนแบ่งกลับไปยังประชาชนทุกคนมากขึ้น ซึ่งจีดีพีโตขึ้นมา 1% ชาวบ้านก็จะมีการกินอยู่ที่ดีขึ้น แต่ยอมรับว่า การผลักดันให้เศรษฐกิจโตมากกว่า 3% ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง”
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำในปีนี้ คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งการกระตุ้นการลงทุน การบริโภค ขณะเดียวในด้านการจัดเก็บรายได้ก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย ภาษีหลายๆ ประเภทต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่น ภาษีกรมศุลกากร จากเทรนด์ของโลกส่งผลให้การจัดเก็บภาษีลดน้อยลงเรื่อยๆ และเราได้ทำข้อตกลงระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น การจัดเก็บก็ได้น้อยลง ส่วนนี้ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้การเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมาย
ขณะที่การจัดเก็บภาษีสรรพากร ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความท้าทาย แน่นอนว่า การจัดเก็บภาษี เป็นรายได้ให้รัฐ แต่มากเท่าไหร่ก็มีผลกระทบต่อประชาชน ส่วนนี้จะต้องหาจุดที่สมดุล ฉะนั้น จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลหลายอย่าง เช่น คณะกรรมการศึกษาใช้ระบบภาษี Negative Income Tax ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่เราก็ต้องทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ ซึ่งรูปแบบอาจจะดำเนินการเป็นระยะๆ เพราะในเบื้องต้นอาจจะไม่ได้ดึงสวัสดิการทุกประเภทเข้ามาอยู่ในที่เดียว โดยจะนำเฉพาะสิ่งที่ทำได้ก่อน
“ถ้าสุดท้ายระบบภาษี Negative Income Tax มีความสมบูรณ์ ทุกคนจะต้องเข้ามายื่นภาษี แม้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ภาษีก็ตาม เพื่อให้รัฐเข้าไปดูว่าท่านจะได้รับสิทธิสวัสดิการจากรัฐหรือไม่ ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้ อยู่ที่ 11 ล้านคน จากจำนวนแรงงานทั้งหมด 40 ล้านคน ซึ่งเมื่อใช้ระบบภาษี Negative Income Tax จะบังคับให้ทุกคนยื่นภาษี เหมือนที่ต่างประเทศทำ ทำให้ทุกคนอยู่ในระบบทั้งหมด และหากรายได้ต่ำเกณฑ์จะได้รับสวัสดิการคืนให้”
ทั้งนี้ ยังยืนยันว่า ในปี 2568 นี้ จะเห็นความชัดเจนของโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจร