ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB วิเคราะห์ ผลกระทบวิเคราะห์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของทรัมป์ต่อเศรษฐกิจในเอเชียและแปซิฟิก ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย Asian Development Outlook (ADO) ฉบับเดือนธันวาคม 2567 ระบุว่า การกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ สู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง หลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นกว่าสมัยแรก
สำหรับนโยบายสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในสมัยที่สองของทรัมป์ ประกอบด้วย การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 60% การเก็บภาษีนำเข้า 10-20% จากประเทศอื่นๆ การทบทวนข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา การถอดถอนสถานะการค้าปกติถาวรของจีน และการใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนที่ชายแดน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายด้านการเข้าเมืองที่จะเข้มงวดขึ้น โดยจะลดจำนวนผู้ลี้ภัย เพิ่มการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก และเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งคาดว่าจะทำให้การย้ายถิ่นสุทธิเข้าสหรัฐฯ ลดลงเหลือเพียง 560,000 คนต่อปี จากปัจจุบันที่มีจำนวนมากกว่า 1.1 ล้านคนต่อปี
รายงานการวิเคราะห์ล่าสุดของ ADB ระบุว่า การกลับมาของสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงราว 0.5% ในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยประเทศจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลง 1.2% ในช่วงปี 2568-2571 หรือเฉลี่ยปีละ 0.3% แม้ว่าในระยะแรกจีนอาจได้รับผลดีจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า
ทางด้านสหรัฐฯ เองก็จะได้รับผลกระทบไม่น้อย โดยเศรษฐกิจจะเติบโตลดลง 0.7% ส่วนประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ทำให้การเติบโตลดลง 0.6% ขณะที่ยูโรโซนและญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า ที่ 0.4% และ 0.5% ตามลำดับ โดยผลกระทบส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป
ในด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สหรัฐฯ จะเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1.1% อันเป็นผลจากการขึ้นภาษีนำเข้า การดำเนินนโยบายการคลังแบบผ่อนคลาย และปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่จะรุนแรงขึ้นจากนโยบายจำกัดการเข้าเมืองที่เข้มงวด ขณะที่จีนจะได้รับผลกระทบด้านเงินเฟ้อรุนแรงกว่า โดยคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 1.8% เนื่องจากผลกระทบซ้ำซ้อนจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นและค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าค่าเงินในภูมิภาคเอเชียจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะเงินหยวนที่อาจอ่อนค่าลงมากถึง 8.9% ภายในปี 2570 เมื่อเทียบกับกรณีฐาน เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ที่มา: ธนาคารพัฒนาเอเชีย