"พาณิชย์" กางแผนรับมือความท้าทาย ทรัมป์ 2.0

10 ธ.ค. 2567 | 06:30 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ธ.ค. 2567 | 12:24 น.

พาณิชย์ เตรียมแผนรับมือและความท้าทายของนโยบาย ทรัมป์ 2.0 พร้อมเดินหน้าเจรจาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ เปิดโอกาสทดแทนสินค้าจีน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า นโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยโดยเฉพาะด้านราคา เพราะต้นทุนสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ สูงขึ้นจากภาษีที่ถูกเรียกเก็บ ซึ่งสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ดีเชื่อว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าแต่ละประเทศในอัตราต่างกัน

\"พาณิชย์\" กางแผนรับมือความท้าทาย ทรัมป์ 2.0

หลังจากนี้จะต้องมีการเจรจาระหว่างกันให้ครอบคลุมหลายประเด็นมากขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศสงครามการค้า ทำให้สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจีนลดลงต่อเนื่อง เป็นโอกาสของไทยที่จะส่งออกสินค้าทดแทน เนื่องจากไทยและจีนอยู่บนห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลกที่คล้ายคลึงกัน คือเป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำเร็จรูป รวมทั้งไทยและจีนมีโครงสร้างการส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ คล้ายคลึงกัน สินค้าที่ไทยสามารถส่งออกทดแทน ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์

ทั้งนี้ การเก็บภาษีนำเข้าจากจีนมากถึง 60% อาจทำให้จีนเปลี่ยนฐานการผลิตการส่งออกไปยังสหรัฐฯ (Re-Routing) ซึ่งการเปลี่ยนช่องทางการส่งออกของจีนสิ่งที่ต้องระวัง เนื่องจากพบว่าเป็นการส่งออกที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มต่อเศษฐ์ที่จะทำ อีกทั้งอาจส่งผลให้ไทยถูกสหรัฐฯ จับตามอง เพื่อไม่ให้จีนใช้ไทยเป็นทางผ่านขนส่งสินค้าและป้องกันไม่ให้ไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จะเดินทางไปยังสหรัฐ เพื่อพบหารือกับคณะผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐ อาจมีโอกาสพบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือ ถ้ามีโอกาสดีอาจจะได้พบกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยฝ่ายไทยจะใช้เป็นเวทีชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีไทยเกินดุลการค้าสหรัฐ ให้ฝ่ายสหรัฐรับทราบว่า สาเหตุที่ไทยเกินดุลสหรัฐไม่ได้เกิดจากประเทศไทยมีกำไรจากการค้ากับสหรัฐอเมริกา แต่เกิดจากไทยมีการส่งออกสินค้าของสหรัฐ ที่มีฐานการผลิตในไทย

“ ดังนั้นสหรัฐ ไม่ควรพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้ากับไทยรวมทั้งหากสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยอาจจะกระทบการลงทุนของสหรัฐเองมั่นใจว่าสหรัฐจะรับฟังและเข้าใจ นอกจากนี้จะขอให้สหรัฐปลดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List) ด้านทรัพย์สินทางปัญญา และพิจารณาเร่งรัดการต่ออายุการให้สิทธิ GSP ที่ได้หมดอายุไปเมื่อปลายปี 2563 ให้เสร็จโดยเร็ว”