รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ (20 ม.ค. 2560-20 ม.ค. 2564) ไทยส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มจาก 2.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2560) เพิ่มขึ้นเป็น 3.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2563) หรือเพิ่มขึ้น 30%
ส่วนในช่วงประธานาธิบดีโจ ไบเดน (20 ม.ค. 2564 - ปัจจุบัน) ไทยส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้นจาก 4.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2564) เป็น 4.83 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2566) หรือเพิ่มขึ้น 16%
ด้านการนำเข้าของไทยจากสหรัฐ ช่วงโดนัลด์ ทรัมป์ ไทยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น จากมูลค่า 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ(ในปี 2560) เพิ่มเป็น 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2563) หรือเพิ่มขึ้น 0.06% ส่วนในสมัยโจ ไบเดน ไทยมีการนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นจาก 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2564) เป็น 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2566) หรือเพิ่มขึ้น 7.1%
อย่างไรก็ดี ด้านดุลการค้า ตั้งแต่ปี 2555-2566 ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่อง จาก 1.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐใน 2555 เพิ่มเป็น 2.90 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น 153% โดยในช่วงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มจาก 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2560) เป็น 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ(ในปี 2563) หรือเพิ่มขึ้น 66%
และในสมัยโจ ไบเดน ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ จาก 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2564) เพิ่มเป็น 2.90 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2566) หรือเพิ่มขึ้น 5.4%
“มองว่าศึกเลือกตั้งสหรัฐในครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี คาดว่าการส่งออกของไทยไปสหรัฐจะลดลง ขณะที่การนำเข้าของไทยจากสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น และจะทำให้การเกินดุลการค้าของไทยกับสหรัฐฯ ลดลง จากที่ผ่านมาไทยมีการนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นไม่มาก โดยหากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี คาดจะมีมาตรการทางการค้า และมาตรการทางภาษีสินค้านำเข้าจะมีมากขึ้น
ขณะที่หากกมลา แฮร์ริส ได้เป็นประธานาธิบดี สินค้าส่งออกไทยจะถูกเก็บภาษี US CBAM เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครจะมาสินค้าส่งออกไทยไปสหรัฐจะได้รับผลกระทบ ขณะที่การเกินดุลการค้าของไทยกับสหรัฐ คาดจะลดลง”