สศช. เตือนรับมือ “ลานีญา” 2567 ถล่มสินค้าเกษตรครึ่งปีหลัง

24 พ.ค. 2567 | 17:41 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2567 | 17:42 น.
801

สศช. เตือนรับมือ “ลานีญา” ฝนตกหนัก น้ำท่วม ตั้งแต่ต้นไตรมาสสามปีนี้ ยาวไปถึงไตรมาสแรกปีหน้า กระทบสินค้าเกษตรสำคัญ ๆ หลายชนิดในช่วงไตรมาสแรกปี 2567

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) วิเคราะห์กรณีความแปรปรวนทางสภาพภูมิอากาศ กับผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจของภาคเกษตร โดยพบว่า ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ทั้ง สถานการณ์ภัยแล้ง เป็นผลมาจาก ปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นกว่าค่าปกติ 0.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่สองของปี 2566 จนถึงช่วงต้นไตรมาสที่สองของปี 2567

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ปรากฏการณ์เอนโซ่ (ENSO) หรือการเปลี่ยนแปลงของระบบบรรยากาศมหาสมุทรในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน พบว่าในช่วงกลางไตรมาสที่สองของปี 2567 มีแนวโน้มที่สภาพภูมิอากาศจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ (Neutral) และในช่วงต้นไตรมาสที่สามของปี 2567 ถึงต้นไตรมาสแรกของปี 2568 ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับ ปรากฏการณ์ลานีญา (La Nina) อย่างต่อเนื่อง 

โดยมีฝนตกหนักในพื้นที่หลายจังหวัด น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วซึ่งไม่ได้พบได้บ่อยครั้ง

 

ภาพประกอบข่าว สศช. เตือนรับมือ “ลานีญา” 2567 ถล่มสินค้าเกษตร

ขณะเดียวกันยังพบว่า ปริมาณน้ำฝนลดลงและส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่าปกติ เห็นได้จากปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2567 มีปริมาตรรวม 43,354 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 61.12% ของความจุน้ำใช้การ ลดลงจาก 45,489 ล้านลูกบาศก์เมตรในปีก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 39,019 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2558 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ สถานการณ์สภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น ทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าค่าปกติ 

ส่วนสถานการณ์ฝนตกน้อย ยังส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญ ๆ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ให้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงในปี 2558 คือ 

  • ข้าวเปลือก ผลผลิตปรับตัวลดลง 6% และลดลงถึง 29.8% เมื่อเทียบกับช่วงที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง (Super El Niño) ในปี 2558 
  • ส่วนอ้อย ผลผลิตปรับตัวลดลง 12.2% และลดลง 17.2% เมื่อเทียบกับปี 2558 
  • มันสำปะหลัง ผลผลิตปรับตัวลดลง 9% และลดลง 25.5% เมื่อเทียบกับปี 2558 

ทั้งนี้ได้ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรในไตรมาสแรกของปี 2567 ปรับตัวลดลง 3.5% และลดลง 9.5% เมื่อเทียบกับปี 2558 และคาดว่าแนวโน้มการเกิดปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักฉับพลัน จะส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อผลผลิตภาคเกษตรโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี

 

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อผลผลิตภาคการเกษตร 2567 สศช.

สศช. เสนอแนะว่า ภายใต้การเผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนเพิ่มขึ้น ภาครัฐ ควรให้ความสำคัญในเฝ้าระวัง ติดตาม และการวางแผนประเมิน สถานการณ์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างใกล้ชิด และมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกรูปแบบ

พร้อมทั้งการยกระดับ ประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้ง การผันน้ำ การระบายน้ำ และการกระจายแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อภาคเกษตร รวมไปถึงยกระดับความรู้ความสามารถเกี่ยวกับสถานการณ์ของความแปรปรวน ด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้เกษตรกรมีความเข้าใจ และเข้าถึงหลักการกระบวนการใช้น้ำในการเพาะปลูกอย่างถูกต้อง 

ทั้งนี้ยังควรส่งเสริมมาตรการด้านการจัดการน้ำควบคู่กับด้านพันธุ์พืช โดยในระยะเริ่มต้นด้วยการให้เกษตรกรกระจายความเสี่ยงด้วยการปลูกพืชที่หลากหลาย และพืชทนทานในทุกสภาพภูมิอากาศทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม 

ขณะที่มาตรการในระยะถัดไปควรมุ่งเน้นส่งเสริมการปรับปรุงพันธุ์พืชชนิดอื่นที่ทนต่อสภาพอากาศที่อาจจะแปรปรวนมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้ความแปรปรวนทางสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจของภาคเกษตร และเศรษฐกิจในภาพรวมได้น้อยลง