นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกตื่นตัวกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสถานการณ์การค้ารถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2566 พบว่าการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า Plug-in (BEVและ PHEV) ของทั้งโลก มูลค่ารวม 175.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 29.40% โดยประเทศที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรกของโลก ได้แก่
ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in ของทั้งโลก มีมูลค่ารวม 201.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 43.83% โดยประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรกของโลก ได้แก่
สำหรับประเทศไทย อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าได้เติบโตต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับโลกเช่นกันโดยไทยนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า Plug-in จากตลาดโลก ในปี 2566 มูลค่ารวม 3,048.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 345.28% ซึ่งประเทศที่ไทยมีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
สอดคล้องกับยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ (BEV, PHEV, HEV) ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากจำนวน 71,450 คัน ในปี 2565 ( 20.52% ของยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งทั้งหมด) เป็น 168,425 คัน ในปี 2566 ( 41.39% ของยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งทั้งหมด) โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 18.08%) ทั้งนี้ การส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in ของไทยไปตลาดโลก มีมูลค่ารวม 11.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 326.78% โดยไทยส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยัง สิงคโปร์มากที่สุด มูลค่า3.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตสูงถึงร้อยละ 3,177.94 เมื่อเทียบจากปีก่อน รองลงมา ได้แก่ สปป.ลาว 2.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และญี่ปุ่น 1.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า หลายประเทศในโลกได้ออกมาตรการเพื่อสนับสนุนและผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในมิติการดึงดูดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ การส่งเสริมผู้ประกอบการ และการกระตุ้นผู้บริโภคให้เกิดความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น
เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ภาครัฐได้ออกแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายใต้นโยบาย 30@30 อาทิ มาตรการเงินอุดหนุนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มาตรการส่งเสริมการนำเข้าและการผลิตในประเทศ โดยได้กำหนดเงื่อนไขการลงทุนให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทยเพื่อชดเชยการนำเข้า รวมถึงส่งเสริมการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
จากการที่ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายในที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูง จึงอาจทำให้ไทยยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบกับมีพื้นที่ยุทธศาสตร์ซึ่งมีความพร้อมทั้งทางด้านคมนาคม แรงงาน และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อย่างโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและทำให้ไทยมีโอกาสขึ้นเป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางสนค. จึงมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการสนับสนุนและส่งเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการค้าของไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าไทย รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้