ถ้าท่านเปิดชม “เว็บไซต์เหนือมนุษย์” จุดนำร่องวรรคแรกดูถ้อยคำสำนวนเขาพิมพ์รับแขกยั่วใจเอาไว้ว่า “ใครเข้ามาแล้วรีบเผ่นหนีออกจากเว็บไซต์นี้ แสดงว่ายังไม่ได้ส่งมอบหนี้สินน้ำใจให้กับเราแน่นอน!” (ฮา)
ใครแวะเข้ามาถ้าไม่ “ทมะ” คือ “ข่มใจ” เว็บไซต์เจ้านี้คงจะเจอโฆษณา ด่าทุกเม็ด…ด่าทุกเม็ด ต้องเช็ดตามจังหวะ เตี้ยลง เว็บมะนุด เตี้ยลง เว้นเสียแต่ท่านใดใครอื่นพกพา “ขันติ” คือ “อภัยสด” ชนะจิตก็ไม่ผิดใจ
เข้าไปจะไม่เสียของ กะว่าจะดู การจัดงบนอกกรอบ แต่เจอ “ควันหลงเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์” มันก็โอนะ อย่างเช่น นักเศรษฐศาสตร์สองคน เจอกันในร้านกาแฟ “บุกคน” ที่หนึ่ง ปีนประตูใจเข้ามากระแซะว่า “ภรรยาคุณเป็นยังไงบ้าง” บุคคลที่สอง มองหน้า “บุกคน” ที่หนึ่ง แล้วก็ย้อนว่า “เทียบกับอะไร?” (ฮา)
ผมมุดดูมุกทุกเว็บไซต์ก็ได้รู้ว่า “นักเศรษฐศาสตร์ไทย” ไฉไลน่ารักกว่า “นักเศรษฐศาสตร์เทศ” ตรงที่ “พี่ไทย” ส่วนใหญ่ น้ำใจในการแชร์มุกเข้าข่าย “ความโป๊ะเป็นศูนย์” (ไม่มีที่ติ) เป็นไปได้ว่า พี่ไทย คงจะทำบุญ “ฟังเทศน์” ต่อให้ใจหวงก็แค่ “เค็ม” สำหรับ “พี่เทศ” เข้าขั้น “เขี้ยวลากท่อน้ำมัน” (ฮา)
เขียนมาเขียนไป ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า แฟนคลับ อดัม สมิธ ตาจะเขียวปั๊ดยังกะ แฟนคลับ มังกรหยก หรือเปล่า (ฮา) เพื่อไม่ให้มิตรภาพอับเฉาก็ถือโอกาสเล่าเพิ่มซะเลยว่า ม.กลาสโกว์ แต่งตั้ง “อดัม สมิธ …” ให้เป็น “ศ.ด้านตรรกศาสตร์” หนึ่งปีต่อมา ได้เป็น “ประธานสาขาปรัชญาจริยธรรม” ซะด้วย (สา…ธุ)
จัดว่า ม่าย - ทำ - มะ - ดา หนังสือเล่มแรก The Theory of Moral Sentiments ท่านพล็อตหลักข้ามช็อท แบบ โกวเล้ง จัดประเด็นตรงเผงเชื่อมโยง DNA เทตามธรรม “พฤติกรรมเศรษฐกิจ” ผูกติดเข้ากับ “ศีลธรรมของมนุษย์” คงไม่ได้เป็น “ท่านเจ้าคุณ” ลุ้นขึ้นไปเป็น “ท่านเข้าขา” ก็ได้ (ฮา)
ผมเขี่ย “ประวัติแซ่ด” ดึงมาดูว่า อดัม สมิธ มี “แผนผังพัฒนา เศรษฐศาสตร์” ที่ท่านฝันสดไว้บ้างไหม จะได้คะเนต่อว่า จะชูธงไปในลู่ทางใดกันบ้าง ใจแรก ก็ว่าจะลองง้อ AI ให้ค้น “บิ๊กดาต้า” จัดการหามาแช่ คือ รอให้ “น้ำซึมแล้วปรากฏอักษรโผล่ขึ้นมา” จะได้ถึงบางอ้อ คริ…คริ
ใจสอง ก็ไม่ปักใจ อะไรที่มันเทาๆ มันไม่ค่อยจะหมู ตัดใจไม่ค้น “บิ๊กดาต้า” รอให้ “บ๊อกดาต้า… ให้หมาดมตามกลิ่นบุกเข้าไปเห่า” เข้าท่ากว่าเยอะ กรณีเช่นนี้ที่ต่างประเทศ มีตำนานสะพรึงว่า อย่าใช้หมาของเรา อย่ายืมหมาเพื่อน เพราะว่าหมาแสนรู้ที่เพื่อนปล่อยให้ดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนเจอทางตัน มันสิ้นใจเมื่อเข้าไปดมกลิ่นถึงในห้องของ “รัฐมนเทา” (ฮา)
“วาทกรรมขวางคอ” ที่ “โดนจิต” อดัม สมิธ คือ “การที่คนเรา คาดหวังอาหารมื้อเย็น นั่นไม่ใช่เพราะความปราณีของผู้ขายเนื้อ ผู้ผลิตเบียร์ หรือ ผู้ผลิตขนมปัง แต่ทว่า เป็นเพราะความเอาใจใส่ของพวกเขาที่มีต่อผลประโยชน์ส่วนตัว”
เนื้อหานี้แหละ เป็น “วาทกรอง” เทลงไปในกองฮั้ว เรียกความสนใจให้สังคมเฝ้าระวังปรากฏการณ์ที่วูบวาบอยู่เบื้องหลัง ลีลาคล้ายกับ นินจา + แมงดา ในฐานะตั้งตัวขึ้นเป็น “มือที่มองไม่เห็น” ปัจจุบันเขาเรียกกันใหม่แล้วว่า “มองไม่เห็นที่มือ” เพราะว่า “กล้องวงจรปิดมันเสีย” (ฮา)
จะว่ากันไปก็น่าแปลกใจ ทำไมนักเศรษฐศาสตร์โดนล้อทุกอย่าง อย่านอนใจให้ใครเล่นจนไม่มีล้อก็แล้วกัน ผมจะเอ๋กับ “ชุดอนาจารย์” ใน เว็บไซต์ Economicshelp เขารวม “จุดเบียด” เอาไว้ 8 แง่งับ! เคลียร์นิดนึงนะ แบบว่า… ชุด คือ รวมกันหลายสิ่ง อนา แปลว่า ความหมาย และ จารย์ หมายถึง นักเมนท์ อนึ่ง “จุดเบียด” มันน่าฟังกว่า “จุดบอด” รวมความได้ว่า “กูรูช่างรู้ไปซะทุกช่อจึงเมนท์มันทุกอย่าง” (ฮา) คุณสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเงินได้โดยไม่ต้องสร้างรายได้ใดๆ เลย (คุณมัวแต่สร้างรายได้แต่พูดไม่เป็น)
Mick Jagger และ Arnold Schwarzenegger ต่างก็ศึกษา เศรษฐศาสตร์ ลองตามไปดูสิว่า พวกเขาจะกลายเป็นคนเช่นไร (กรรมการมักจะไร้ผลงาน เขาคือคนที่เข้าถึงเส้นชัยก่อนคุณ) เมื่อคุณอยู่ในสายงานที่ว่างงาน อย่างน้อยคุณจะรู้ว่า คุณอยู่ที่นั่นเพื่ออะไร (เพื่อรอให้มันเต็มซิจ๊ะ คริๆ) เรียงลำดับตัวอักษรใน Economics ใหม่ จะได้ Comic Nose (จมูกการ์ตูน)
แม้ว่า จริยธรรม จะสอนว่า คุณธรรม เป็นรางวัลในตัวของมันเอง แต่ทว่า ในทางเศรษฐศาสตร์ พวกเราได้รับการสอนว่า รางวัล เป็น คุณธรรมในตัวของมันเอง (ดีนะที่ไม่บอกว่า ข้าออกมาจากท้องด้วยทักษะของข้า)
เมื่อคุณเมา คุณสามารถบอกได้ว่า คุณกำลังค้นคว้าเรื่องกฎแห่งอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ลดน้อยลงเท่านั้น (คนพวกนี้นะ ต้องออกกฎเป็นชิ้นเป็นอันว่า ห้ามเมาในเวลาที่กำลังค้นคว้า ไม่งั้นมันจะคว้าแล้วไม่ปล่อย)
คุณไม่สามารถผิดพลาดได้ เพียงแต่เกิดเหตุการณ์ช็อกที่ไม่สมดุลอย่างไม่คาดคิดเท่านั้น (ก็เอาเป็นว่าคุณไม่ได้ผิด มัดผิดที่ช็อค แล้วถ้าตัวที่มีส่วร่วมในการช็อค คุณจะจัดการมันอย่างไร)
นักเศรษฐศาสตร์ คือ ผู้เชี่ยวชาญที่จะรู้ว่า ทำไมสิ่งที่เขาทำนายเมื่อวานถึงไม่เกิดขึ้นในวันนี้พรุ่งนี้ (ที่ไม่ได้เกิด เพราะว่า เขามัวแต่ ทำนาย ถ้าเขา ทำนาง ได้เกิดอู่แล้ว)
สรุป : เศรษฐศาสตร์ จะ ยืนหนึ่ง หรือ นอนสอง ขึ้นอยู่กับว่า ยินดีหันหน้ามาทำมาหากินให้ถูกหลักได้ไหม ถ้า...เยส! “เราก็ดี...เขาก็ได้” ถ้า... โน? “รายได้ตก...รายจ่ายแตก” ผลคือ “เขาไม่ได้...เราไม่ดี” หน่วยงานใดที่ “จ้อจี้ = ขี้ฮก” แวว “นก = อด” คือ “บ้ง = แย่”
ถ้าแน่ จะต้องไม่นอน ถ้านอนก็แสดงว่าไม่แน่ ใครจะชนะ หรือ แพ้บอกได้แน่ๆ ว่ามันไม่แน่ไม่นอน “ศาสตร์” ก็อาจจะพลิกเกมกลายเป็น “เศษ” ทั้งนี้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ความเป็นไปได้ที่ไม่ใช้ฟลุคมีอยู่ว่า ใครทำดีมากกว่าผลลัพธ์ก็จะได้มากล้น!