84,000 ชุด กับมนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 5

08 ก.พ. 2568 | 06:30 น.

84,000 ชุด กับมนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 5 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4069

หัวคะแนนนักการเมืองเมาแอ๋ ขับรถไป ด่าพระอาทิตย์ไป ตามใจชอบ “เป๋น พระ อ๋า ทิ๊ด แต๋ ม่ายคาวโร๊บ  รัด ถะ ถ้ำ มะ นู๊น! สาดแสงข้ามฮั้ว โซ้งซั้ยจะชอบ ร๊าด ถะ ถ้ำ มะ ยุบ! ม่ายเกร๋งจาย โก๊ด จะ ลา จร ยังคงสาดฟายเต็มลูกกะตา ทามมาย พระ อา ที๊ด...ด...ด  หม้าย หรี่ แซ้ง  หาครัยมาแท่นที่ซะดี๋มั้ย...” (ฮา) 

เลขาของท่านพระอาทิตย์ กึ่งขำ กึ่งรำคาญ ออกมาเป็นหนังหน้าไฟลองของวัดใจกันสักเตี้อ ถ้าพลาดพลั้งก็จะแถลงว่า ท่านพระอาทิตย์ไม่ได้มีข้อดำริ เราเป็นฝ่ายคิดเองเออเอง ว่าแล้วก็บอกกับ หัวคะแนนนักการเมือง ว่า “เจ้าเป็น นักประชาธิปไตย สินะ ถ้าใช่... เจ้าไปหาเสียงจากชาวโลกสิ ยุยงให้เขาพร้อมใจกันลงคะแนนขับไล่ ช่วยกันดึงใบประจำวันอาทิตย์ออกจากแผ่นปฏิทิน 

ข้าอยากรู้เหมือนกันว่า เจ้าสามารถหาคะแนนรวมได้มากกว่า 20 %  ของชาวโลกหรือเปล่า ถ้าข้าแพ้เจ้าข้าจะลาออกเอง ถ้าเจ้าแพ้ข้า เจ้าจะต้องซื้อเหล้ามานั่งซดกับข้าต่อหน้า ท่านพระอาทิตย์ ข้าจะเตรียมเครื่องดับเพลิงเอาไว้ให้เพียงพอ โอ.เค. ไหมล่ะ...” (ฮา)

ตัวอย่างนิทานเรื่องนี้ชี้มุมได้หลายมุก  มุกแรก คือ หัวคะแนนนักการเมืองขับรถเมาแอ๋ จะโดนเรียกตัวไปขึ้นศาลก่อน ท่านพระอาทิตย์ (ฮา) มุกสอง คือ เราเป็นหนี้บุญคุณท่านพระอาทิตย์อยู่เยอะ ท่านไม่ส่งเลขามารีดเอาค่าต๋งที่เรารุมกัน “ดูดแสงอาทิตย์…” เอามาผลิตเป็น “ไฟคว้า…” ก็ดีเท่าไหร่แล้ว (ฮิ้ว) 

มุกสาม คือ ควรดูรุ่นก่อนจะลุย สำคัญปุดๆ คือ ถ้าพระอาทิตย์จะขึ้น ต่อให้มีมือนับล้านก็ยากที่จะบังแสงท่านได้ (ปั๊วะ) น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น คือ ถ้าอ่านแล้วบอกว่ามุกนี้ดี ผมจะสารภาพว่า มุกนี้ผมคิดเอง ถ้ามีกระแสว่า มุกนี้มันไม่เอาอ่าว ในฐานะที่สุ่มเสี่ยง ผมจะมั่วกับเขามั่งว่า คนเขียนเค้าเป็น "นักปราชญ์สมัครเล่น" (ฮา)

ผมเป็นแฟนหนังจีนสายบู๊ แถมหักเหลี่ยมซ่อนเงื่อนตามกันไม่ทัน หนึ่งในนั้น เป็นหนังลุ้นลวดลายสไตล์ดีขยี้เลว คนดูร้องเฮ้ว ฮือฮา ยากที่จะหลับสัปหงก “มังกรหยก : กลับชาติมาเกิด” ล้ำเลิศครบฟิล หยินและหยาง

เรื่องนี้ ฉีเคอะ จัดวาง บท ชุด มุก วิว แอ็คชั่นสะท้านหวิว คิว ฝึก ซ้อมกันบาดเจ็บทั้งชิวๆ และฉึกๆ ก่อนจะขึ้นจอ ดาราหมายเลขหนึ่งที่ผู้ชมคลั่งไคล้ คือ “เซียวจ้าน” รับบทอลังการเป็น “พระเอกมังกรหยก” ในปี 2025 

ปรากฏว่า ปมของหนังเรื่องนี้ ที่เขาต้องคลี่ให้คลายไม่ใช่รสชาติของหนัง สิ่งที่ทำให้แฟนคลับหัวใจชาวูบทั้งบาง คือ โรงภาพยนตร์ที่นัดกันไว้ จัดคิวให้ฉายเพียงวันละสองรอบ แต่ละรอบ “พราหมณ์ไทม์!” กันเห็นๆ เพราะ พราหมณ์  เห็นคิว เวลา 08.00 น. กับ เวลา 23.00 น. ต้องรีบนั่งภาวนาให้เทวดาช่วย  (ฮา) 

ผมรู้ข่าวเหล่านี้แล้วนึกถึง “เดียรถีย์” ที่บังอาจเอ่ยท้า ขอแสดงปาฏิหารย์ แข่งกับ พระพุทธเจ้า ครั้นเมื่อ พระพุทธองค์ ได้บอกกล่าวกับ พระเจ้าพิมพิสาร ว่า “เราจะใช้ ต้นมะม่วง เป็นพื้นที่สำหรับแสดงปาฏิหารย์” ตั้งแต่วันนั้นไปจนถึงวันนัด “เดียรถีย์” ควักเงินว่าจ้างสั่งให้อันธพาลออกไปจัดการว่า "เจอต้นมะม่วงตรงไหนก็โค่นให้เกลี้ยงตรงนั้น"  เฮ้อ! “บัตรเทา” ในโลกนี้ ไม่มีบัตรไหนที่ “บัตรโซบ” ดุจ “เดียรถีย์” (ขัก…ตุ๋ย) 

เมื่อถึงวันนัดดวล ราชบุรุษผู้รักษาสวนหลวง ชื่อว่า คัณฑะ เห็น มะม่วงทะวาย ใกล้สุก จึงสอยลงมาล้างให้สะอาด เพื่อจะเอาไปถวายพระราชา ประจวบเหมาะที่ พระพุทธเจ้า เสด็จมาแต่ไกล ด้วยความเลื่อมใส เขาจึงเปลี่ยนใจนำไปน้อมเกล้าถวายให้พระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าทรงประทับนั่งรับผลมะม่วงมาให้พระอานนท์ คั้นทำน้ำปานะ

วาระในการแสดงปาฏิหารย์ก็มาถึง พระพุทธองค์ทรงขอแรงให้ คัณฑะ คุ้ยดินร่วนทำเป็นหลุมเอาเมล็ดมะม่วงจัดวางกับถมดินแล้ว พระพุทธองค์ ทรงล้างพระหัตถ์ลงบนหลุม ฉับพลันนั้น เมล็ดมะม่วงแทงยอดแล้วแผ่ออก 5 กิ่ง กิ่งละ 50 ศอก ออกผลฉับพลันนับกันไม่สิ้น เดียรถีย์นั่งตาปริบๆ (โห่ฮิโห่…ฮิ้ว!)

                         84,000 ชุด กับมนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 5

ผมอยากรู้ว่า การจัดคิวให้ฉายเพียง วันละ 2 รอบ ออกจะชอบกล มีใครเป็นผู้วางแผนเพื่อกะจะเตะตัดขา “เซียวจ้าน” กับ “ฉีเคอะ” รวมทั้ง “กระแสมังกรหยก” หรือเปล่า? ถ้าผมได้คุยกับ ท่านสี จิ้นผิง โดยตรง ผมจะกราบท่านเพื่อจะบอกฝากท่านว่า ในเมื่อ “ท่านสี จิ้นผิง” เป็น “คนดีศรีไชน่า” บุคคลในวงการบันเทิงย่อมควรที่จะ “เห็นแก่ประเทศ!” ไม่น้อยไปกว่าที่เขา “เห็นแก่ตัว!” 

เขาต้องไม่ลืมว่า จีน สามารถ ยืนหนึ่ง มาจนถึงวันนี้ได้ ก็เพราะ อยู่เป็น เล่นเก่ง ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง หรือ นักแสดง ไม่ควรเดินตามรอย “คนเป็นพิษ” (Toxic People) คิดแบบ “เดียรถีย์” อย่าลืมสิครับ “มวลชนมักจะเห็นใจผู้ถูกกระทำเสมอ!” 

ภูมิประวัติของ “เซียวจ้าน” ไม่เคยให้ร้ายใคร เขาเคยโดน “เดียรถีย์” ใส่ร้ายป้ายสี มึนอยู่พักใหญ่ ไม่ช้าไม่นานก็ได้แจ้งเกิดโด่งดังโดดเด่นเป็นภพชาติที่สอง เขาผิดตรงไหนที่เกิดมา หล่อ หน้าสวย มารยาทดี มีเสน่ห์ นิสัยดี แต่ก็โดนกลั่นแกล้งสกัดดาวรุ่งอยู่ตลอดเวลา 

อาศัย ความสามารถ การเกื้อกูลสังคม และ มีดารา “หวังอี้ปอ” เป็น นักร้อง นักแสดง นักแข่งรถ นักเต้น นักปีนเขา เป็นพระเอกผู้ทรงคุณค่า ที่สถาบันการศึกษา เอาผลงานทุกเรื่องของเขานำไปตีพิมพ์เป็นแบบเรียน และใช้เป็นข้อสอบซึ่งไม่เคยมีศิลปินคนไหน ที่ได้รับเกียรติแบบนี้ “คู่หู” ผู้นี้ คือ “ก้างขวางคอ” ช่วยกันท่า “คนเป็นพิษ” ให้ ถอยห่าง… อีกนิด… อีกนิด… นั่นแหละ 

คนเราต้องรู้ตัวเมื่อรู้ชื่อ “เซียวจ้าน” แปลว่า “กล้าสู้” เขา รู้แก่ใจว่าจะไม่ทิ้งจีน  “หวังอี้ปอ” แปลว่า “ผู้ที่เกิดมาแล้วหล่อ” หรือ “ราชาผู้เป็นหนึ่งที่กว้างขวางรอบรู้มหาศาล!” แค่นี้ก็ชัดเกินพอว่าไม่คิดจะหลบ 

ไม่รู้ไม่ได้  “อัญเดียรถีย์” ได้แก่ “อัญ” คือ “สิ่งที่เขาไม่รู้” กับ  “เดียรถีย์” คือ “เครื่องข้ามฟาก” ตีความได้ว่า “อัญเดียรถีย์” คือ “เครื่อง ข้ามฟากด้วยทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่ผู้สอนก็ไม่รู้ จึงอาศัยเล่ห์เพทุบายฉุดลาก ด้วยความเห็นอันเป็นมุก ดึงดูดให้สัตว์กระโดด ดำผุดดำว่ายอยู่ในทิฐิหกสิบสอง” 

ใครศึกษากับ ม. อัญเดียรถีย์ จะโชคดีตรงที่ไม่มีใครสอบตก เพราะว่า ผู้ออกข้อสอบก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรใช่หรือไม่ใช่? (ฮา)