เคราะห์หาม ยามร้าย (จบ)

20 ม.ค. 2567 | 13:40 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2567 | 13:44 น.

เคราะห์หาม ยามร้าย (จบ) คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

...อันโบราณเขาว่าเซียนอยู่รูแต่หมูมันอยู่ตึก บอกนิยามความหมายว่าคนที่มันฝีมือจริงๆนั้นจะต้องเข้าไปหาในที่ลึกลับ สอดคล้องกับอีกภาษิตนักเลงที่ท่านว่า ‘ของจริงนิ่งเปนใบ้ ที่เห็นพูดได้ ไม่ใช่ของจริง’
 
วัดผาลาด สกิทาคามี ก็คงจะเปนอย่างนั้น ด้วยว่าสถานที่เขาสำรวม แต่โอ่อ่า ไอ้เรานี้ไม่ชอบที่ว่าอลังการ_มันเยอะไป วัดอาจารย์เฉลิมนั่นก็หนึ่งล่ะอลังการ_ไม่ใช่ว่าไม่สวยไม่งาม แต่ความอลังการมันเยอะไป มันทำให้รู้สึกว่า ของนั่น ‘ข่มคน’
 
ที่สำรวมแต่โออ่านี้ต้องจริตถูกใจมาแต่ไหน ทั้งรถยนต์ทั้งผู้คนทั้งข้าวของวัดผาลาดแห่งดอยสุเทพนี้ มีน้ำตกรินไหลผ่ากลาง วังน้ำขังฝายหินเอ่อธรรมชาติงามงด มีละอองชื้นจับอยู่ทั่วไปในมวลอากาศ ถามพระแล้วว่างานภูมิสถาปัตย์อย่างนี้ชะรอยจักต้องมีศิลปินระดับเซียนมาวาดมาจัด

ขอทราบนามเซียนนั่นว่าท่านคือใคร?  ได้คำตอบว่า อ้อ_อาจารย์อดุลย์ เหรัญญะ
 
ดังนี้แล้วจึงขอไหว้สา ประสาเซียนต้องรับการคารวะ (สานี่มันคือคำว่าสาธุนะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกมหาเทวีปลอมในโซเชียลมีเดีย เขาใช้กันมาก่อนคุณหล่อนถือกำเนิดเสียอีก)
 
ลักษณาการของงานไหว้สาคือว่าไหว้ด้วยมือ ทักทายไม่พอหรอก ไหว้สานี้ ไหว้แล้วรำพึงว่าสาธุด้วย เปนมุทิตาจิตพลอยยินดีเจือปนอยู่ในบุญกิริยานบน้อม เวลาทำลงกิริยาดังว่านี้ท่านว่าทำแล้วได้สองต่อสามต่อคุ้มค่ากว่าไหว้กันธรรมดาอย่างว่าทักทาย

ไอ้ลานอย่างว่ามีของล้อม ฝรั่งเรียก square ล้านนาเรียก ข่วง ส่วนหัวมุมของสิ่งใดๆ ฝรั่งว่า corner ล้านนาว่าแจ่งบวก ไม่ใช่เรื่องต่อยกะใคร เปนที่เนินมีน้ำขังชีวิตน่ะมันเนิ่นช้า ยามว่าไปอยู่ในสถานที่หยุดกาลเวลาอย่างว่าเวียงเจียงใหม่เช่นนี้ ที่ตรงเจดีย์เก่านี้ สวยงาม ตึกริมผาทำแบบอาคารแองโกลเบอร์มา มีมานานก่อนถึงมืออาจารย์อดุลย์ นึกเอาว่าถ้าว่าได้กลด (กลดอย่างที่เจ้านายเสด็จแล้วมีคนกางกั้นถวาย) ปักเปนเสาสักสี่มุม และฉัตรสักคู่หนึ่งปากทางเข้าเจดีย์ คงจะสวยงามดี แต่ต้องผ่าด่าน อ.อดุลย์ ผู้สถาปนิกล้านนาดูแลภาพรวมของอารามกันเอาเอง  คิดเอาว่าของในอดีตนั้นเขาคงมีประกอบเจดีย์อยู่หรอก ผ่านไปร้อยพันปีคงจะค่อยกร่อนสลายมลายไปมากกว่า ถ้าเทพยดามีจริงคงอยากจะได้กลับคืน ก็มิได้คิดอะไร ได้แต่บันทึกไว้เปนปูมเดินทางออกจากอารามงามงดนี้แล้วก็ ที่นี้ก็มุ่งหน้าไปทำกิจที่ค้างคา คือไปส่งสการไหว้สาทำศพท่านครู ที่บ้านฟ่อน
 
ครูบาดวงดี ยติโก ที่วัดบ้านฟ่อน หางดงนั้นประดาพระเถรานุเถระฝ่ายนี้กล่าวกันว่าท่านมีดวงจิตชุ่มเย็นที่สุดในภาคเหนือ เมื่อครั้งลาสิกขาจากอินเดียกลับไทย ไปตั้งกองกุศลปั่นไฟถวายวัดอยู่ดอยแม่ริมรังรุ้ง ได้ไปกราบเท้าท่านวันนั้นชนมายุเกือบถึง 100 แล้ว
 
สายตาท่านได้กราดมองมานั้นเย็นวาบอย่างเอาน้ำราดหัว และรู้สึกว่าท่านสำแดงฤทธิบางประการในรูปของเข็มเงินในปากรูปหล่อแมงสี่หูห้าตาที่ได้มาจากวัด เขียนไว้เเล้วใน ฐานเศรษฐกิจ ตอน แมงสี่หูห้าตา ปีโควิดที่ 1 ท่านมรณภาพ ชนมายุได้ เกิน 101 เราติด พรก. ฉุกเฉินขึ้นไปเปนเจ้าภาพทำศพท่านมิได้ ทางวัดแจ้งกำหนดสวด เปนระยะ และรอเวลาขอรับพระราชทานเพลิง


 
เวลานี้ปรากฏเหตุสังขารท่านแข็งเปนหินเสียแล้วไม่เน่าเปื่อยด้วยบุญฤทธิ์แห่งท่าน กำหนดการศพที่กะไว้จึงล้มเลิกหมด กรรมการวัดนิมนต์ท่านไว้ที่โลงแก้วประดับดอกมาลา ขาวโศกอ้อยสร้อย ทำบุญถวายเงินแต่ตุ๊อ้วน สมภารองค์ใหม่อายุ 29 ที่เฝ้าดูแลท่านมาแต่เปนเณร ฝนลงพรำๆ เฉอะแฉะ เรากราบลาท่านผู้มีคุณด้วยกายะ วาจายะ และมโนสำนึกน้อมเกล้า
 
ออกจากหางดง ก็หวังใจจะไปกู้ดวิว ก็มังกี้มันปิด วอมอัพวอมดาวมันก็ปิด อะไรที่พอชื่นใจได้ก็ไม่พ้นกู้ดวิวกว่าจะวนไปถึงก็รถติด เพื่อจะรู้ว่ามันปิด เช่นกัน! เลยไปขัวเหล็กแหล่งเก่าเราพำนัก ให้รถจอดที่ริมปิง ด้วยว่าน้ำตาลสวิงตกระดับมือไม้สั่น ได้น้ำตาลชาวสวน และเบียร์เกาหลี 0% เย็นเฉียบมารองท้อง
 
ค่อยยังชั่วเดินกระดกไปตามถนนแล้วข้ามมาร้านหมูจุ่ม หาข้าวกินมื้อเย็นริมปิงสักหน่อย ผัวะผะกับอีกหลายเรื่อง/หลายคนก่อนเข้านอน ก็เช่นเคย ฝืนตื่นเด้งมาแต่ตีห้า เพื่อวางแผนเดินทางอันประสมหลายอย่างวัตถุประสงค์ ว่าแล้วก็เริ่มต้นที่ตั้งกองกุศลเสียก่อน ขับรถขึ้นดอย ไปหาที่ทำบุญ
 
อนึ่งขออธิบายกลไกบุญไว้ในที่นี้ ว่ามันไม่ใช่ได้กุศลที่เอาเงินไปให้เขาอย่างว่าซื้อบุญกุศลมันได้ตั้งแต่ตอน “แหก” ขี้ตาตื่น การ “ฝืน” ทำในสิ่งไม่ชอบ เพื่อไปทำสิ่งที่เปนเรื่องดีนั้น มันได้บุญตั้งแต่ตรงนี้ นอนสบายๆดี_ก็ฝืนตื่นออกมาไปหาสัมมาทำ
 
ถึงบรรทัดนี้ก็ขอเชิญท่านสาธุชนรับพรโมทนาจากตุ๊ (ก้อแปลว่าสาธุอีกนั้นแหละ แต่คราวนี้เปนสาธุคุณ_ก้อแปลว่าพระ)  ผช. เจ้าอาวาส ท่านโอภาปราศัยในวาระสำรวมดี จุ่งหมายมั่นมีเปนดิถีวัน ฯลฯ


 
อนึ่งว่าเมืองเหนือนี้ไม่เรียกแม่น้ำ เรียกน้ำแม่ ที่นี่น้ำแม่กวง พระราชทานชื่อเขื่อนกักน้ำแม่กวงว่า เขื่อนแม่กวงอุดมธารา น้ำไหลรินมาลอดผ่านถนนจ้อกๆๆ สวยงามและฟังเพราะ แวะเยี่ยมบ้านอย่างว่าบ้านในฝันของท่านสุภาพสตรีนักเขียนนักแปลท่านหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่อย่างสันโดษริมน้ำแม่กวง บันไดของท่านสีเขียวโค้งวงงามงด ทอดมายังสนามหญ้าท่าน้ำ  เสร็จเรื่องแล้วตีรถกลับมาหนองจ๊อม
 
ก่อนนี้ (again) ผู้ใหญ่ไปทำบ้าน ริมปิง ที่เมืองตาก ยุคที่เหมืองต่างๆนั้นเฟื่องฟู ท่านให้ชื่อไพเราะว่า “River Den Clubhouse” เปนสถานที่งามงด และเปี่ยมไปด้วยความสุขรื่นเริงทั้งของลูกค้าและผู้มาคอยบริการ
 
บ่ายวานซืนนี้ว่า อยากไปไหว้สา ท่านอ. จุลทัศน์ กิติบุตร ศิลปินแห่งชาติผู้มีฝีมือเนรมิตบ้านริมน้ำได้งดงาม โออ่า และว่า “classy” ท่านอาจารย์เปนสถาปนิกที่ลึกซึ้งที่สุดเรื่อง space การเสียสละบางสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอีกสิ่งที่สมบูรณ์แบบมากสุด
 
งานออกแบบของท่านนั้นท้าทายกาลเวลา และห่างไกลกับคำว่า low cost ของ อ.เชี่ยวที่ชอบช่วยซึ่งเปนคนละสำนักคิดกัน มูลค่าของงาน อ.เชี่ยว มิใช่ไม่ดี มัน อะกาลิโกอย่างที่ท่านว่า มันไฮโซ อย่างที่ท่านว่า แต่กับฝีมือ อ.จุลทัศน์แล้ว ท่านก้าวข้ามคำว่าไฮโซไปไกลกว่า ท่านไปถึงจุดที่ว่า superclass เรียกได้ว่า super classy ความโอ่อ่าแต่เสงี่ยมอยู่ในโสรัจจะคุณ เปนลักษณะเด่นอันเปน signature ของงานท่าน อ. จุลทัศน์ -อันนี้เปนคำของเราคิดขึ้นขอสงวนลิขสิทธิ์55


 
ดูจั่วหน้าบันประดับกระจกหุง และจังหวะการจัดวางเก้าอี้ต่างๆเข้าซี มันมีมูลค่าแฝงอยู่ลึกล้ำในนั้นเหมือนอาคารคลับเฮ้าส์ของสนามกอลฟสอยดาว เหมือนคุ้มเจ้าบุรีรัตน์ ผู้คนว่า แหมของเขาสวย แต่ตอบมิเคยได้ว่าสวยอย่างไร ควรแวะมาที่บ้านสันผีเสื้อแห่งท่าน จะเข้าใจคำว่า โอ่อ่าเปนสง่าแต่เสงี่ยมโสรัจฯ
 
แดดร่มลมตกดีแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าที่วัดผาลาดนั้นมีบ่อน้ำโบราณสวยใสแหนว ทางวัดก่ออาคารปูนแองโกลเบอร์ม่าครอบไว้อย่างว่าซุ้ม ติดปูนปั้นรูปพญานกยูงรำแพนหางไว้เสียด้วย ตามคติทางพม่าแล้วนับว่านกยูงนี้เปนของสูงของเจ้า มีนัยยะชอบกลล้ำลึก จึงเรียกขานเอาเองในใจว่าสมควรได้ชื่อว่า บ่อพญายูงคำ ควรจะได้พลีน้ำมาอาบรดล้างเคราะห์ชุ่มใจ ชั่วแต่ว่าสายไปของแบบนี้เขาไม่ทำกันตอนพลบตอนค่ำ ต้องรอเช้าๆเสียก่อน ตื่นมาแล้วก็ไปกาด
 
อีทีนี้ว่ามาเมืองเหนือจะเอาขัน อย่าเรียกขัน มันจะได้โตกไม้มาแทน ขันมันแปลว่าแท่น ก็อย่างที่กินขันโตก อย่างไรเล่า55 ขันเมืองเหนือเขาเรียก สลุง เห็นเขาออกเสียงว่า สะ_หลุง
 
ขันนี้มันสำคัญเวลาจะทำเคล็ด เขาจะกรวดน้ำก่อน แล้วจึง_คว่ำขัน เปนสัญญาณว่าขาดกันขันนี้ลายดอกทานตะวันหาได้มาจากกาดวโรรส เชียงใหม่ เดินทางขึ้นไปเพื่อพลีน้ำเมืองเหนือนั้นตั้งพลีโดยใส่กระบะกาบกล้วยเรียกว่าสะตวง ปักธงเสียให้ดี มีกุ้งพล่าปลายำก็แล้วแต่
 
อีกสูตรนึงคือไม่รู้ว่าจะเหมาะอย่างไรดี ก็ใช้วิชาที่พอมีค้นตำราที่เข้าท่า บางท่านว่าเทียน 10 คู่ ธูป 10 ดอกบัวหลวง 8 เงินเหรียญ 99 ส่วนเรามีหน้าที่ต้องตกแต่งทำดา ถวายให้เกินเข้าไว้ ยาเส้นยามวน หมากพลูต้องมี เก็ดถะหวา คำปู้จู้ กุหลาบมอญ ไหว้สากำนลท่านแล้วจึงตักเอาของท่านได้
 
ได้น้ำมาแล้ว อาบรดราดหัวราดตัวราดขา เสีย ณ กลางตาดหินผาลาด ถึงเวลาฟ้าสลัวมัวอยู่ก็เปิดออกฉับพลัน รู้สึกในใจว่าเอาล่ะสร่างเคราะห์ล้างโศกกันที เริ่มชีวีบากบั่นกันใหม่เสียแต่บัดนี้ฯ