NUSA … เล่นแร่แปรธาตุ… เจ๊าหรือจุก??

26 ม.ค. 2565 | 06:30 น.
2.3 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By...เจ๊เมาธ์

***  ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มที่เฟดจะออกมติขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับตลาดหุ้นทั่วโลกออกมา เป็นเรื่องที่คาดหมายล่วงหน้าว่าเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อรู้ล่วงหน้าว่าเรื่องจะเกิด...นักลงทุนที่ติดตามข่าวก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้วถ้าต้องการ เว้นไว้แต่ว่าอยากจะเสี่ยงเท่านั้นเอง
 

ขณะเดียวกัน ปัญหาชายแดนยูเครน-รัสเซีย สำหรับตัวเจ๊เมาธ์มองว่า จะลุกลามกลายเป็นสงครามใหญ่ขึ้นมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะคู่กรณีอย่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ต่างรู้แก่ใจว่า หากกลายเป็นสงครามขึ้นมา ความเสียหายที่เกิดมันจะกลายเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ และจะกลายเป็นการ “ได้ไม่คุ้มเสีย” ซึ่งรูปเกมน่าจะเปลี่ยนไปในแนวของสงครามเย็น ที่เดินเกมใต้ดินและงัดข้อกันทางเศรษฐกิจมากกว่าเดินหน้าชนกันแบบตรงๆ  

ดังนั้นเจ๊เมาธ์จึงเห็นว่านี่เป็นจังหวะที่น่าจะต้องหาหุ้นดีๆ มาเก็บเอาไว้ เพราะหุ้นหลายตัวราคาร่วงลงมาอยู่ในจุดที่คุ้มต่อการลงทุนมาก และสำหรับเจ๊...คำพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นที่ว่า “จงกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว” ยังใช้ได้อยู่เสมอ
 

*** น่าแปลกใจราคาหุ้น LEO ปรับตัวลงมาต่อเนื่องหลายวันก่อนการประกาศความสำเร็จในการควบรวมกิจการ (M&A) บริษัท เวิลดิ์ แอร์ โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งทางอากาศ เข้ามาเสริมจุดเด่นให้ LEO ในเรื่องการขนส่งทางอากาศ จากเดิมที่มีจุดเด่นขนส่งทางเรือเป็นหลัก

ประเด็นแรกที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ การถูกขายทำกำไรออกมาเนื่องจากราคาปรับขึ้นมาต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 64 ขึ้นไป 18.00 บาท ในช่วงกลางเดือนมกราคม 65 แต่อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ การกดราคาเพื่อเอาของ ทันทีที่ควบรวมกิจการ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 100 ล้านบาทต่อปี มันทำให้ LEO กลายเป็นหุ้นที่มีอนาคตโลจิสติกส์ ที่มีอนาคตที่ไกลมากอีกตัวหนึ่ง  หลังจากนี้ต้องจับตาดูให้ดีว่า ราคาหุ้น LEO จะสามารถกลับไปที่เดิมได้ อีกไกลแค่ไหน...


*** แต่งานนี้เจ๊เมาธ์บอกได้เลยว่า หุ้นตัวนี้มาแน่นอนค่ะ อย่าได้แปลกใจที่เห็นราคาหุ้นของ NUSA ขยับขึ้นมาอย่างโดดเด่น และอย่าได้แปลกใจที่ราคาหุ้น จะสามารถขยับราคาไปได้ไกลกว่านี้ จากการแลกหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) จำนวน 8.75 ล้านหุ้น กับผู้ถือหุ้นรายย่อยของ WEH ทำให้ NUSA ถือหุ้น WEH สัดส่วน 8.04% ของทุนจดทะเบียน ส่วนผู้ถือหุ้นของ WEH จะถือหุ้น NUSA รวมกันสัดส่วน 32.88% ของทุนจดทะเบียนเช่นกัน


*** แน่นอนว่า การขยับตัวของ NUSA และ WEH ในรอบนี้ ใครๆ ก็รู้ว่า แผนคิดซับซ้อนแบบแปลกๆนี้ มี  “ประเดช กิตติอิสรานนท์” อยู่เบื้องหลัง เพราะเขาคือ ผู้ที่ลงทุน 2 บริษัทนี้...เมื่อ WEH มีสารพัดปัญหาจนยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะเข้าตลาดหุ้นได้ ปันผลก็ยังจ่ายไม่ได้ ผู้ถือหุ้นก็ทะเลาะกันอย่างมหากาพย์…  


คำถามตัวถามตัวใหญ่ๆ ที่ ก.ล.ต. และ ตลท. ควรถามคือ NUSA ซื้อแล้ว ได้อะไร? มีประโยชน์จริงหรือไม่ กรรมการได้ตัดสินใจแบบวิญญูชนมั้ยธุรกิจอสังหาตัวเองยังลุ่มๆ ดอนๆ แล้วยังไปลงทุนบริษัทที่มีข้อขัดแย้งเพียบแม่เจ้า… ฉลาดล้ำเลิศจริงๆ  หรือ ดีลนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ใคร?? ดังนั้นการเล่นแร่แปรธาตุมาที่ NUSA จึงเป็นทางเลือกที่ “กลุ่มผู้แสวงหาประโยชน์” หรือ คิดว่าน่าจะแปรรูปจากกระดาษไม่มีสภาพคล่องให้มาเป็นเงิน…?!!
 

ส่วน ATK ของ NUSA ก็ไม่ต้องพูดถึง… ผู้คนยังคาใจว่าแม่นยำเชื่อถือได้ไหม หรือ ราคาแพงเกินไปหรือมั้ย สังคมต้องการคำตอบ...     นับตั้งแต่ KEX มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมี “ฟลอริช ฮาร์โมนีฯ” ได้ทำการเสนอซื้อหุ้นบางส่วนประมาณ 51.8% ในบริษัทจดทะเบียนตลาด หลักทรัพย์ฮ่องกง Kerry Logistics Network จำกัด หรือ KLN ซึ่งเป็นบริษัทแม่และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX ตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 64 ก็ทำให้ราคาหุ้นของ KEX ปรับตัวลงมาตลอด ซึ่งถ้าจะมองในแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องของแนวทางการทำธุรกิจของนักลงทุนจีน ซึ่งเข้ามาถือหุ้นใหญ่บริษัทแม่ของ KEX ซึ่งเน้นรูปแบบการทำธุรกิจด้วยการทุ่มตลาด 
 

ทุ่ม...ประมาณหวังจะให้คู่แข่งของ KEX อาจทำธุรกิจต่อไม่ได้กันเลยที่เดียว ซึ่งการทำธุรกิจด้วยวิธีนี้อาจจะได้ผลดีในระยะยาว แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ การทุ่มตลาดที่ว่านี้ แม้บริษัทจะมีทุนที่ค่อนข้างมาก...และไม่ส่งผลกระทบถึงเสถียรภาพของบริษัท แต่มันก็จะทำให้บริษัทมีต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงมีกำไรที่ลดลงไป จนมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนจนส่งผลไปถึงราคาหุ้นตามมาด้วย 
 

ดังนั้น หากมองแนวทางการดำเนินธุรกิจของ KEX กับความคาดหวังที่นักลงทุนมีต่อ KEX จึงดูเหมือนว่าจะสวนทางกันอยู่บ้าง เพราะเรื่องของรายได้และกำไรนี้ในมุมมองของนักลงทุนชาวไทยเป็นเรื่องสำคัญมาก เอาเป็นว่าถ้าใครที่ยังรอการกลับตัวของ KEX ก็อาจจะต้องรอต่อไปจนกว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจนะคะ ตอนนี้รอไปเรื่อยๆ ถ้ารอได้ก็รอเจ้าค่ะ 


หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,752 วันที่ 27 - 29 มกราคม พ.ศ. 2565