7 UP "เจ้าเข้า องค์ลง"

23 ก.ค. 2564 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2564 | 20:51 น.
3.4 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By...เจ๊เมาธ์

*** ถึงแม้ว่าวันที่ 27 ก.ค. จะไม่ใช่วันหยุดพิเศษแบบที่หลายคนเคยเข้าใจ แต่ก็เป็นช่วงวันหยุดยาวที่ต้องลุ้นว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดจะทำสถิติใหม่อีกหรือไม่ หลายฝ่ายมองตรงกันว่า มีโอกาสเป็นไปได้มากที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะขยับเพิ่มขึ้นไปเกิน 15,000 คนต่อวัน และแน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนทั้งรายบุคคลรวมทั้งกองทุนและสถาบันก็ อาจจะต้องปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อรองรับความเสี่ยงในวันหยุดที่จะถึงนี้ด้วยนะคะ อาจจะปรับลงไปบ้างก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ถ้าใครมั่นใจ และเชื่อว่าอ่านเกมขาด ก็น่าจะลองหาจังหวะเข้าเก็บของดีราคาถูกเท่าที่โอกาสมีให้ ก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ จังหวะและโอกาส ...มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองเท่านั้นเองค่ะ

*** KBANK และ SCB เป็นหุ้นธนาคารใหญ่ 2 ตัวแรกที่แจ้งผลการดำเนินงาน 2/64 ออกมา โดยทาง KBANK มีกำไร 8.89 พันล้านบาท ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 4 เท่าตัว แต่ก็ปรับลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาคิดเป็น 16.31% ในขณะที่ ทาง SCB ดูเหมือนว่าจะแตกต่างออกไปบ้าง เนื่องจากกำไร 8.81 พันลบ. ในไตรมาสที่ 2/64 ใกล้เคียงกับกำไรในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว (8.35 พันลบ.) แต่ก็ยังน้อยกว่าไตรมาสก่อนหน้า (1/64) ที่มีกำไร 10.08 พันลบ. ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วแต่น้อยกว่าไตรมาสที่ผ่านมา 

ส่วน BBL กำไรไตรมาสสอง 6.357 พันล้านบาท KTB กำไรไตรมาสสอง 6.011พันล้านบาท แต่ TTB ขาดทุน 2.534 พันล้านบาท แต่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักก็มองตรงกันว่าการตั้งสำรอง NPL และ การพักชำระหนี้ รวมถึงการลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเรื่องค่าครองชีพ เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังไม่ดีขึ้น  

ดังนั้น การที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้กลับตัวปรับราคาสูงขึ้น จึงเป็นได้ที่จะมาจากเรื่องของการรีบาวด์ทางเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่เพราะพื้นฐานที่ปรับดีขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งหากจะดูหุ้นกลุ่มนี้ก็ต้องดูกันไปยาวๆ กว่านี้ด้วยนะคะ เจ๊เมาธ์ขอย้ำว่า ตอนนี้หมดยุคของหุ้นกลุ่ม “คาดว่าจะดี” ไปแล้วค่ะ

*** การขายลูกของ 7UP อย่าง เอ็ม โซลูชั่น และ อินฟอร์เมติกส์ พลัส แม้ว่าจะได้เงินเข้ามากว่า 130 ล้านบาท แต่ดูยังไงแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกับการไล่ราคาแรง ทั้งที่ติดแคชบาลานซ์ระดับที่ 2 (T2) ในรอบนี้ หรือถ้าจะมองไปที่การเน้นไปทำธุรกิจน้ำประปาผ่านการลงทุนใน บริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด ที่ซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 81% ก็ไม่น่าจะมีความสัมพันธ์กับการไล่ราคาแบบไม่สนโลกของหุ้นตัวนี้แต่อย่างใด  

แต่หากมองไปที่เรื่องของคนนามสกุล “พุ่มพันธุ์ม่วง” ซึ่งล่าสุด “รชต พุ่มพันธุ์ม่วง” เก็บหุ้นของ 7UP รวมแล้ว 246.8 ล้านหุ้น (4.99%) ในขณะที่ “สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ซึ่งเป็นบิดาของ รชต มีหุ้นใน 7UP จำนวน 491 ล้านหุ้น (9.94%) ซึ่งรวมแล้ว 2 พ่อลูกมีสัดส่วนการถือหุ้นใน 7UP รวมเกือบ 15% ดูน่าจะมีอิทธิพล หรือ เป็นสาเหตุที่คาดเดาได้ว่าเป็นสาเหตุของการไล่ราคาใน “คุกการเงิน” ของหุ้นตัวนี้ได้มากที่สุด ดังนั้น การขยับราคาของ 7UP ในรอบนี้อาจจะเป็นเรื่อง “เจ้าเข้า” หรือ “องค์ลง” ก็อาจจะเป็นไปได้ และไม่ใช่แค่เพียง 7UP เพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่คนในตระกูล “พุ่มพันธุ์ม่วง” ถือได้ว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เข้าไปลงทุนในหุ้นหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น IHL WP SCD และ TSKซึ่งต่างก็มีคนนามสกุลนี้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั่นเอง

*** ถ้าจะว่ากันถึงหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ 3 ตัวอย่าง DELTA KCE และ HANA ถึงจังหวะนี้น่าจะต้องตัด DELTA ออกไปจากสารบบเนื่องจากความที่หุ้นตัวนี้ควบคุมและอ่านได้ยาก เพราะเป็นหุ้นที่อาศัยเจ้าดันราคาอย่างเดียว (ฮา) ส่วนถ้าจะพิจารณาเอาหุ้นที่เหลืออย่าง KCE และ HANA ก็จะพบว่า ทั้งสองตัวแทบจะไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย 

เรื่องแรกก็คือ การที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นหุ้นที่มีใบสั่งซื้อสินค้าล้นไปจนถึงปลายปี แต่ทั้งสองบริษัทต่างก็ไม่มีสามารถจะรองรับคำสั่งซื้อที่ว่า เพราะใช้กำลังการผลิตไปเต็ม 100% ไปแล้วทั้งคู่ 

ส่วนเรื่องที่ 2 ก็คือ ทั้งคู่ต่างก็อาศัยอานิสงส์เรื่องเงินบาทอ่อนค่าเข้ามาเพิ่มรายได้ และกำไรเหมือนกัน ดังนั้น โอกาสในการสร้างรายได้ที่มากขึ้นจึงดูเหมือนว่าจะตันๆ ทั้งในระยะสั้น และกลางทั้งคู่แล้วนะคะ ส่วนเรื่องที่มีนักวิเคราะห์ออกมาให้เป้าเท่านั้นเท่านี้ เจ๊เมาธ์ก็ไม่มีความคิดเห็น เพราะถ้าดูกันยาวๆ หากไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ มันก็คงไม่โตไปกว่านี้แล้วค่ะ

*** เรื่องของ “หมอบุญ” ที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลล้ำหน้าเรื่องการจะลงนามเพื่อสั่งซื้อวัคซีน 20 ล้านโดส ดูเหมือนว่าจะเงียบเกินไป ไม่รู้เป็นเพราะว่า “หมอบุญ” เส้นใหญ่ ...หรือว่ามีใครกลัว “หมอบุญ” จะแฉเรื่องกระบวนการจัดซื้อวัคซีนหรือไม่ เรื่องนี้เจ๊เมาธ์ก็ไม่แน่ใจนะคะ 

แต่ที่แน่ๆ อย่าลืมว่าทุกบริษัทต่างก็มีโครงการที่จะสร้างรายได้แบบก้าวกระโดดให้กับบริษัทกันทั้งนั้น ส่วนที่ไม่พูดก็เป็นเพราะตลาดหุ้น มีกฏว่าผู้บริหารจะต้องไม่พูด หรือให้ข้อมูลชี้นำราคา เอาเป็นว่า...ถ้าหากว่า “หมอบุญ” ทำได้ ผู้บริหารของบริษัทอื่นๆ ก็น่าจะทำได้เช่นกันใช่หรือไม่หละเจ้าค่ะ คนคุมกฎเจ้าขา...