ข้อมูลจากบริษัทความปลอดภัย BlockAid ระบุว่า ณ วันที่ 27 มกราคม 2025 มีการสร้างโทเคนหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับ DeepSeek อย่างน้อย 75 รายการ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากวันก่อนหน้า ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับช่วงที่โทเคนปลอมจำนวนมากถูกปล่อยออกมาหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดตัว memecoin ของเขาเมื่อวันที่ 18 มกราคม
DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันล่าสุดของแอป AI เมื่อวันที่ 20 มกราคม และกลายเป็นไวรัลในทันที โดยขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน Apple App Store อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้กลับมาพร้อมกับปัญหาโทเค็นหลอกลวงที่พยายามหาประโยชน์จากความนิยมของบริษัท
Oz Tamir นักวิเคราะห์จาก BlockAid เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) ที่เลียนแบบเว็บไซต์ของ DeepSeek โดยมีปุ่ม “Connect Wallet” ซึ่งหากกดเข้าไป อาจนำไปสู่การถูกขโมยเงินในกระเป๋าคริปโต Tamir ชี้ว่าการหลอกลวงนี้แสดงถึงความซับซ้อนและความระมัดระวังที่ผู้ใช้งานต้องมี
ในโพสต์ที่ปักหมุดไว้บน X (Twitter) เมื่อวันที่ 10 มกราคม DeepSeek ยืนยันว่า“DeepSeek ไม่เคยออกคริปโตเคอร์เรนซีใดๆ ปัจจุบันเรามีเพียงบัญชีทางการบน Twitter เท่านั้น และจะไม่ติดต่อผ่านบัญชีอื่นใด โปรดระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง”
แม้จะมีคำเตือนจากบริษัท แต่ผู้หลอกลวงยังคงดำเนินการสร้างโทเคนปลอมต่อไป และบางครั้งก็ประสบความสำเร็จ รายงานจาก Cointelegraph เมื่อวันที่ 27 มกราคมระบุว่า โทเคนปลอม 2 ตัวได้รับความสนใจอย่างมาก โดยตัวหนึ่งมีมูลค่าตลาดพุ่งถึง 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะลดลงอย่างรวดเร็ว อีกตัวหนึ่งมีมูลค่าตลาดสูงสุดที่ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Tamir กล่าวว่าผู้หลอกลวงสามารถใช้ประโยชน์จากกระแสได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับในกรณีที่มีการเปิดตัวโทเค็น TRUMP และ MELANIA memecoin ซึ่งทำให้จำนวนโทเค็นที่มีชื่อ Trump เพิ่มขึ้นจาก 3,300 รายการต่อวันเป็น 6,800 รายการในวันที่เปิดตัว
DeepSeek ได้กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงบน X หลังจากมีการเปิดเผยถึงศักยภาพของโมเดล AI ซึ่งอาจเป็นคู่แข่งกับ ChatGPT ของ OpenAI โดย DeepSeek อ้างว่าการพัฒนาโมเดล AI ของพวกเขาใช้งบประมาณเพียง 6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าบริษัทในสหรัฐฯ ที่ใช้เงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในการพัฒนาโมเดลของตัวเอง
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่นักลงทุนและผู้ใช้งานต้องเพิ่มความระมัดระวังเมื่อเจอกับกระแสที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีและ AI ที่มาแรงในตลาดขณะนี้