ทรัมป์คืนบัลลังก์! เปิดเกมวันแรกกับแผนเปลี่ยนอเมริกาครั้งประวัติศาสตร์

20 ม.ค. 2568 | 11:00 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ม.ค. 2568 | 11:11 น.

สรุปแผนพลิกโฉมสหรัฐฯ "โดนัลด์ ทรัมป์" คัมแบ็กเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่สอง พร้อมนโยบายเปลี่ยนโฉมประเทศตั้งแต่วันแรกที่โลกต้องจับตา

วันที่ 20 มกราคม 2025 กลายเป็นวันสำคัญที่โลกจับตา เมื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้เคยสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองในสมัยแรก กลับมาสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง การกลับมาครั้งนี้ไม่ได้มีแค่คำมั่นสัญญา แต่ยังมาพร้อมกับแผนการปฏิรูปที่อาจพลิกโฉมหน้าประเทศ

ตั้งแต่การเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ การเพิ่มกำแพงภาษีทางการค้า ไปจนถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิล นโยบายเหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกัน หากแต่ยังสะเทือนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นที่มาของการถกเถียงในวงกว้างว่าการบริหารครั้งนี้จะนำพาสหรัฐฯ ไปในทิศทางใด

 

แผนเนรเทศครั้งประวัติศาสตร์

ทรัมป์ให้คำมั่นที่จะเปิดตัว "โครงการเนรเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา" ทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง โดยตั้งเป้าดำเนินการกับผู้อพยพผิดกฎหมายทั้งหมดกว่า 11 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมประมาณ 500,000 คน ซึ่งอาจทำลายสถิติการเนรเทศออกนอกประเทศ 430,000 ครั้งของรัฐบาลโอบามาในปี 2013

ทรัมป์ตั้งใจที่จะรื้อการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับผู้ขอลี้ภัยและเพิกถอนมาตรการคุ้มครองการเนรเทศตามหลักมนุษยธรรม นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะยกเลิกนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการส่งตัวอาชญากรร้ายแรงกลับประเทศ แผนนี้ยังรวมถึงการยกเลิกการปกป้องผู้อพยพในประเทศที่เผชิญวิกฤต เช่น เฮติและซูดาน

ประกาศภาวะฉุกเฉินชายแดน

นอกเหนือจากการเนรเทศแล้ว เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพ ทรัมป์วางแผนประกาศภาวะฉุกเฉินบริเวณชายแดนและใช้ "Title 42" กฎหมายที่จำกัดสิทธิในการลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้ต้องได้รับการอนุมัติจาก CDC ซึ่งอาจทำให้แผนนี้เผชิญความล่าช้าหรือข้อขัดแย้งทางกฎหมาย

 

สงครามการค้ากับเพื่อนบ้าน

หนึ่งในแผนที่สร้างความกังวลในเศรษฐกิจโลกคือการตั้งภาษีกับสินค้านำเข้าจากสองประเทศคู่ค้าสำคัญที่สุดของสหรัฐฯ คือ แคนาดาและเม็กซิโก ทรัมป์ให้คำมั่นที่จะกำหนดอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก โดยได้ให้เหตุผลว่าภาษีนี้จะช่วยป้องกันการค้ายาเสพติด การเคลื่อนไหวนี้อาจพลิกโฉมการค้าในอเมริกาเหนืออย่างมาก และอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า

แคนาดาและเม็กซิโกส่งสัญญาณว่าอาจเกิดการตอบโต้ นายกรัฐมนตรีของควิเบกยังบอกเป็นนัยถึงการระงับการจัดส่งไฟฟ้าพลังน้ำหรืออะลูมิเนียมไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราวเพื่อเป็นการตอบสนอง แนวทางเชิงรุกนี้ได้นำมาเปรียบเทียบกับภาษี Smoot-Hawley ในปี 1930 ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกตำหนิอย่างกว้างขวางว่าทำให้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่รุนแรงขึ้น

 

นิรโทษกรรมคดี 6 มกราคม

ทรัมป์ประกาศจะเริ่มพิจารณานิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บุกยึดรัฐสภาเมื่อ 6 มกราคม 2021 ทันทีในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง คดีนี้มีผู้ถูกตั้งข้อหามากกว่า 1,580 คน และถูกตัดสินว่ามีความผิดถึง 1,270 คน ซึ่งอาจถือเป็นหนึ่งในการอภัยโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา

พลังงานฟอสซิลกลับมายิ่งใหญ่-ส่งเสริมการขุดเจาะน้ำมัน

แผนเร่งรัดพลังงานฟอสซิล โดยโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศตั้งเป้าอนุมัติการขุดเจาะน้ำมัน การสร้างท่อส่งพลังงาน และโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทันที พร้อมประกาศยกเลิกกฎหมายสนับสนุนพลังงานสะอาดของรัฐบาลไบเดน เช่น กฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) และทรัมป์ยืนยันว่าจะเริ่มขุดเจาะน้ำมันและสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานใหม่ทันทีในวันแรก แผนนี้สะท้อนความตั้งใจที่จะคืนบทบาทสำคัญให้พลังงานฟอสซิล

 

ปฏิวัติระบบการศึกษา

ทรัมป์วางแผนตัดงบประมาณของโรงเรียนที่สอนแนวคิด "ความหลากหลายทางเชื้อชาติ" หรือมีนโยบายสนับสนุนการใช้หน้ากากอนามัยในโรงเรียน แผนนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนให้ครูสามารถพกอาวุธในห้องเรียน

 

นโยบายขัดสิทธิคนข้ามเพศ

หนึ่งในนโยบายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือการยกเลิกสิทธิของคนข้ามเพศในกองทัพ และการห้ามเข้าร่วมแข่งขันกีฬาที่สอดคล้องกับเพศที่พวกเขาเลือก นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนอให้มีการสอบสวนผลกระทบจากการรักษาด้วยฮอร์โมน โดยทรัมป์ให้สัญญาว่าจะยกเลิกสิทธิของคนข้ามเพศอย่างครอบคลุม โดยมีเป้าหมายที่จะรื้อฟื้นการห้ามบุคคลข้ามเพศที่รับราชการทหารอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะห้ามผู้หญิงข้ามเพศเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสตรีทุกระดับ เขาให้คำมั่นที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการของ FDA เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษาด้วยฮอร์โมนและปัญหาด้านพฤติกรรม นักวิจารณ์มองว่าเป็นความพยายามที่จะจำกัดการเข้าถึงการดูแลที่ยืนยันเรื่องเพศ การกระทำเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อชาวอเมริกันข้ามเพศประมาณ 1.6 ล้านคน รวมถึงสมาชิกในหน่วยบริการและนักกีฬานักศึกษา

 

ท้าทายสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิด

แผนยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองโดยการเกิดสำหรับเด็กที่พ่อแม่เป็นคนต่างด้าว ถือเป็นการท้าทายบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับที่ 14 ของสหรัฐฯ โดยทรัมป์ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

 

สงครามรัสเซีย-ยูเครน

แม้ทรัมป์จะเคยประกาศว่าจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการดำรงตำแหน่ง แต่ล่าสุดทีมงานของเขายอมรับว่าน่าจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเจรจา โดยทรัมป์วางแผนใช้การคว่ำบาตรและการลดความช่วยเหลือทางทหารเป็นเครื่องมือเจรจากับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์รับทราบถึงความซับซ้อนของความขัดแย้ง และขยายเวลาการแก้ไขเป็นหกเดือน

 

กองทุนสำรองบิตคอยน์แห่งชาติ

แผนวันแรกของทรัมป์รวมถึงการมุ่งเน้นไปที่สกุลเงินดิจิทัล โดยมีข้อเสนอเพื่อสร้างกองทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ Bitcoin ของสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับการแต่งตั้ง "crypto czar" เพื่อขับเคลื่อนสกุลเงินดิจิทัล และเกิดขึ้นท่ามกลาง Bitcoin ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับ crypto ภายใต้การบริหารของทรัมป์

 

กวาดล้าง 'รัฐลึก' ปรับโครงสร้าง-เลิกจ้างพนักงานรัฐบาล

ทรัมป์มีแผนที่จะฟื้นฟูคำสั่งบริหาร "Schedule F" ซึ่งเคยเป็นที่ถกเถียงในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่ง คำสั่งนี้จะเปลี่ยนสถานะพนักงานรัฐบาลกลางจำนวนมากให้กลายเป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยการเมือง การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเปิดทางให้รัฐบาลสามารถเลิกจ้างพนักงานเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างการทำงานของรัฐบาลกลางถูกปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม แผนนี้อาจเจอกับอุปสรรคทางกฎหมาย เพราะมีผู้คัดค้านมองว่าเป็นการทำลายความเป็นกลางของระบบราชการ

 

นอกจากนี้ยังมีแผนแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน ทรัมป์เสนอให้จัดตั้ง "เมืองเต็นท์" ขนาดใหญ่ที่มีการให้บริการด้านสุขภาพและสังคม เพื่อรองรับคนไร้บ้าน พร้อมเสนอให้มีการปราบปรามการตั้งแคมป์ในที่สาธารณะ และนโยบายสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทรัมป์ยืนยันจะเพิ่มการว่าจ้างและรักษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งเพิ่มความคุ้มครองด้านกฎหมายให้เจ้าหน้าที่

การเจรจาต่อรองกับยุโรป ทรัมป์ยังต้องการให้ยุโรปแบ่งเบาภาระด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรณีของ NATO รวมถึงการยกเลิกนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งแม้ไม่มีกฎหมายบังคับ แต่ทรัมป์ตั้งเป้าขจัดข้อกำหนดสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไบเดน

 

นอกเหนือจากแผนวันแรกแล้ว ทรัมป์ยังได้สรุปวาระนโยบายที่กว้างขึ้นซึ่งเรียกว่า "ร่างนโยบาย Agenda47" ซึ่งประกอบด้วยข้อเสนอมากมาย ตั้งแต่กฎที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับโรงเรียน และนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่เข้มงวดมากขึ้น ไปจนถึงการยกเลิกกฎข้อบังคับด้านสภาพอากาศ และการสร้าง "เมืองแห่งเสรีภาพ" ใหม่ทั้งหมด ข้อเสนอเหล่านี้หลายข้อจำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภา แต่บางข้อเสนออาจดำเนินการผ่านคำสั่งของผู้บริหารได้

 

อ้างอิง: Theguardian, CNN, Foreignpolicy, Forbes