ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียประกาศความพร้อมในการเจรจาเพื่อหาทางยุติสงครามในยูเครน หากโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยปูตินย้ำว่า รัสเซียไม่มีเงื่อนไขในการเริ่มต้นพูดคุยกับทางการยูเครน พร้อมชี้ว่าข้อตกลงใดๆ จะต้องได้รับการลงนามจากเจ้าหน้าที่ที่ถูกต้องตามกฎหมายของยูเครน ซึ่งขณะนี้รัสเซียยังมองว่ามีเพียงรัฐสภายูเครนเท่านั้นที่มีความชอบธรรม
ปูตินกล่าวในระหว่างการตอบคำถามประชาชนผ่านโทรทัศน์ของรัฐว่า ตนยินดีที่จะเจรจากับทรัมป์ และเปิดเผยว่าแม้จะไม่ได้พูดคุยกับทรัมป์มาหลายปี แต่ยังคงมองว่าทรัมป์เป็นบุคคลที่อาจมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขความขัดแย้งนี้
โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศอย่างมั่นใจว่าตนจะยุติสงครามในยูเครนได้อย่างรวดเร็ว หากได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง แม้จะยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการของตนเอง
สงครามยูเครนที่เริ่มต้นจากการบุกของรัสเซียในปี 2565 ได้สร้างความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งในแง่ชีวิตผู้คนและเศรษฐกิจ โดยรัสเซียยึดครองพื้นที่ประมาณหนึ่งในห้าของยูเครน และยังคงเคลื่อนทัพไปสู่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในพื้นที่ทางตะวันออก
ปูตินกล่าวถึงความคืบหน้าของรัสเซียในสนามรบว่า กองกำลังของเขากำลังบรรลุเป้าหมายหลักที่วางไว้ตั้งแต่เริ่มต้นปฏิบัติการ และเชื่อว่ากองกำลังของยูเครนที่ยังคงสู้รบอยู่จะหมดกำลังใจในไม่ช้า
ในด้านเศรษฐกิจ ปูตินยอมรับว่ารัสเซียเผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูงจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว แต่ยืนยันว่ายังแข็งแกร่งกว่าหลายประเทศในยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร
สำหรับการเจรจา ปูตินระบุว่า ข้อตกลงใดๆ ควรเริ่มต้นจากข้อเสนอที่เคยเกิดขึ้นในการประชุมที่อิสตันบูลในช่วงต้นของสงคราม แม้ข้อเสนอนั้นจะถูกปฏิเสธโดยนักการเมืองยูเครนบางส่วนที่มองว่าเป็นการยอมแพ้เกินไป
อย่างไรก็ตาม ปูตินปฏิเสธแนวคิดการพักรบชั่วคราว โดยยืนยันว่ารัสเซียต้องการข้อตกลงที่ยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน แสดงความเห็นเชิงเย้ยหยันต่อข้อเสนอของปูติน โดยกล่าวถึงแผนการยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ของรัสเซียว่าเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล พร้อมตั้งคำถามถึงความมีสติสัมปชัญญะของผู้นำรัสเซีย
การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกยังคงเป็นปมปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อเสถียรภาพโลก โดยการเจรจาระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในยุคทรัมป์ ถือเป็นความหวังที่จะลดทอนความตึงเครียดและหยุดยั้งความสูญเสียเพิ่มเติมจากสงครามที่ยืดเยื้อเกือบสามปีนี้