ภายหลัง นายดมิโทร ออร์ลอฟ นายกเทศมนตรีเมืองอีเนอร์โกดาร์ของยูเครน รายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ในยูเครน ซึ่งนับเป็นโรงงานนิวเคลียร์ใหญ่สุดในยุโรป โดยเป็นแหล่งผลิตพลังงานในสัดส่วน 25% ของยูเครน
ล่าสุด ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ( IAEA) ได้เร่งติดต่อเพื่อทำหารพูดคุยกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของยูเครน รวมไปถึงผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับสถานการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งได้มีการเรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้กำลัง และยังเตือนถึงอันตรายร้ายแรงหากเครื่องปฏิกรณ์ถูกกระทบด้วย
ด้านนายดมีโตร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า กองทัพรัสเซียระดมยิงจากทุกทิศทุกทางเพื่อโจมตี Zaporizzhia ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และมีไฟไหม้เกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามถ้าเกิดระเบิดขึ้น ความเสียหายจะรุนแรงว่าภัยพิบัติเชอร์โนบิล เมื่อ 36 ปีที่แล้ว ถึง 10 เท่า พร้อมขอให้รัสเซียต้องหยุดยิงทันที และอนุญาตให้นักผจญเพลิง สร้างเขตรักษาความปลอดภัย
ขณะที่สื่อต่างประเทศแสดงความเป็นห่วงถึงผลกระทบกับสารกัมมันตรังสี เช่น สำนักข่าว AP รายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครน สามารถมองเห็นควันได้จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย
ทางด้านนายแอนดรี ทุซ โฆษกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียกล่าวว่า ขณะนี้หนึ่งใน 6 เครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถูกไฟไหม้ แต่นักดับเพลิงยังไม่สามารถเข้าใกล้พื้นที่เพื่อดับเพลิงได้
"เราขอให้รัสเซียยุติการยิงอาวุธหนัก เพราะนี่เป็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นในสถานีพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป"
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. มีรายงานข่าวว่า นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐ ได้ออกมาระบุถึงกรณีนี้หลังได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของยูเครนเกี่ยวกับสถานการณ์ในโรงไฟฟ้า ว่า เตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ได้รับการป้องกันด้วยระบบโครงสร้างของอาคารคลุมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่แข็งแกร่ง และได้มีการปิดเตาปฏิกรณ์อย่างปลอดภัยแล้ว
"เราไม่พบข้อมูลปริมาณสารกัมมันตรังสีที่เพิ่มขึ้นใกล้กับโรงไฟฟ้า"